Built-in บ้านยังไงให้หรูหรา ทันสมัย สวยไม่ซ้ำใคร
การสร้างบ้านให้หรูหรา ทันสมัย และสวยงามแบบไม่ซ้ำใครสามารถทำได้โดยการใช้แนวคิดและวัสดุที่ทันสมัย พร้อมการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นี่คือเคล็ดลับบางประการในการสร้างบ้านที่ตอบโจทย์
1. การออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร
- ใช้สถาปนิกหรือดีไซเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบบ้านที่มีความเป็นเอกลักษณ์
- ผสมผสานรูปแบบการออกแบบที่หลากหลาย เช่น การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะร่วมสมัยหรือแนวสถาปัตยกรรมเฉพาะภูมิภาค
2. การเลือกวัสดุหรูหรา
- ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น หินอ่อน, ไม้สัก, หรือโลหะผสมที่มีลักษณะเฉพาะ
- เลือกใช้กระจกโค้งหรือกระจกสีที่ไม่ธรรมดาเพื่อเพิ่มความหรูหราและให้บ้านดูทันสมัย
3. เทคโนโลยีที่ทันสมัย
- ติดตั้งระบบสมาร์ทโฮมที่สามารถควบคุมแสงสว่าง, อุณหภูมิ, และระบบความปลอดภัยได้จากระยะไกลใช้
- ระบบเสียงและภาพที่ทันสมัย เช่น ระบบเครือข่ายเสียงหลายห้องหรือโรงภาพยนตร์ที่บ้าน
4. การออกแบบภายในที่สวยงาม
- เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัวและมีคุณภาพสูง
- ใช้การตกแต่งที่มีศิลปะ เช่น งานศิลปะหรือภาพถ่ายที่เป็นเอกลักษณ์
5. การจัดแสง
- ใช้แสง LED ที่ปรับได้และระบบแสงที่สามารถสร้างบรรยากาศได้หลากหลาย
- พิจารณาการใช้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างใหญ่หรือหลังคากระจกเพื่อให้บ้านดูสว่างและโปร่งโล่ง
6. พื้นที่ใช้สอยที่เปิดกว้าง
- ออกแบบห้องที่มีพื้นที่เปิดกว้างและเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างความรู้สึกที่หรูหราและสะดวกสบาย
- เพิ่มพื้นที่กลางแจ้งที่เป็นสวนหรือระเบียงเพื่อให้บ้านดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
-
-
7. การออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด
- ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ เช่น การเลือกใช้ฮาร์ดแวร์คุณภาพดี, การปูพื้นด้วยวัสดุที่มีลักษณะเฉพาะ หรือการติดตั้งผ้าม่านที่มีดีไซน์เก๋
การสร้างบ้านให้หรูหราและทันสมัยไม่ได้หมายถึงการใช้วัสดุแพงเสมอไป แต่เป็นการเลือกใช้วัสดุและการออกแบบที่สะท้อนถึงสไตล์และความต้องการของเจ้าของบ้านอย่างชัดเจน
เลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน อย่างไรถึงจะดี?
เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อพูดถึงเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน หลายคนคงจะนึกถึงเฟอร์นิเจอร์ที่สร้างขึ้นแล้วอยู่ถาวร ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างแน่นอน! ซึ่งในปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และในท้องตลาดของเองก็มีมากมายหลากหลายบริษัทเลยก็ว่าได้ที่ไม่ว่าจะเป็นการรับทำครัวบิ้วอิน หรือเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินอื่น ๆ
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรกันว่าบริษัทที่รับทำเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอินบริษัทไหนที่ตอบโจทย์ ตรงใจ และคุ้มค่า งานนี้เราจึงไม่รอช้า ขอนำเสนอ 5 วิธีเลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน จะมีวิธีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปอ่านสาระดี ๆ จากเราได้ที่ด้านล่างนี้เลย!
5 วิธีเลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงวิธีเลือกบริษัทรับทำบิ้วอินกันนั้น เราขอพูดเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินแบบคร่าว ๆ กันสักหน่อย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน (Built-in) คือ เฟอร์นิเจอร์แบบถาวรที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ มักนิยมสั่งทำตามความประสงค์ ส่วนใหญ่นิยมทำตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ห้องครัว ตู้ในห้องน้ำ หรือส่วนอื่น ๆ ตามความต้องการของผู้อาศัย ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้คือทำให้ห้องดูเป็นระเบียบ ใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ที่สำคัญยังมีความแข็งแรงทนทานอีกด้วย
แต่เรื่องข้อเสียใช่ว่าจะไม่มีเลย เพราะในขั้นตอนการทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินนั้นมีราคาที่แพงมาก เนื่องจากต้องคิดค่าแรงในการจ้างช่าง ตลอดจนต้องทำการวัดมุม องศาในการจัดวาง รวมถึงวัสดุที่เลือกใช้ การสั่งทำบิวท์อินจึงมีราคาค่อนข้างสูง เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกันไปแล้วก็มาสู่สาระดี ๆ ที่หลายคนรอคอย นั่นก็คือ 5 วิธีเลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ซึ่งมีดังนี้
1. ประสบการณ์ยาวนาน
สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการที่คุณเลือกใช้งานบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอินนอกจากจะทำให้คุณมั่นใจได้เรื่องความเป็นมืออาชีพของบริษัทแล้ว คุณยังไม่ต้องกังวลอีกว่างานมีปัญหาแล้วจะไม่เสร็จ ไปต่อไม่ได้ หรือถูกเทกระทันหัน อย่าลืมว่าบริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนาน เปิดให้บริการมาแล้วหลายปี
นอกจากเรื่องความเป็นมืออาชีพที่ต้องรักษาไว้ อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องรักษาเอาไว้อีกก็คือเรื่องของชื่อเสียง ซึ่งบริษัทที่เปิดมานานแล้วส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครหรอกที่จะทุบหม้อข้าวตัวเอง ทำเรื่องแย่ ๆ อย่างการเทลูกค้า เพราะในปัจจุบันโลกเราข่าวสารไปไวมาก หากถูกกล่าวถึงเสีย ๆ หาย ๆ ในโลกออนไลน์ย่อมส่งผลกระทบกว่าที่คิดแน่นอน
2. มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้กัน ลองนึกภาพตามดูว่าหากคุณใช้บริการกับบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความเชี่ยวชาญ เมื่องานมีปัญหาขึ้นมาย่อมแก้ไขอะไรได้ช้าเมื่อเทียบกับทีมงานที่เชี่ยวชาญกว่า จริงอยู่ที่งานรับบิ้วอินบ้านนั้นไม่ใช่งานใหญ่อะไรเหมือนกับการรีโนเวทบ้าน สร้างบ้านทั้งหลัง แต่จะดีกว่าไหมหากคุณเลือกใช้บริการกับทีมงานที่เชี่ยวชาญ เวลามีปัญหาจะได้ไม่ต้องรอการแก้ไขนาน เชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากเสียเวลารอการแก้ไขอะไรนาน ๆ หรอก
3. มีสัญญาการทำงาน
สำหรับข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่ไม่ควรละเลยที่สุดเลยก็ว่าได้ จริงอยู่ที่นี่เป็นเพียงการทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ไม่ใช่งานใหญ่อย่างการสร้างบ้านทั้งหลัง แต่คุณก็ไม่ควรที่จะละเลยเรื่องสัญญาการทำงานโดยเด็ดขาด ฉะนั้นเพื่อความอุ่นใจ เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการกับบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่มีสัญญาการทำงาน จะดีที่สุด!
4. วัตถุดิบมีคุณภาพ
สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานของเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกยึดติดยาวนาน โครงสร้างที่ใช้จึงต้องแข็งแรง ทนทาน และมีคุณภาพดี เพื่อที่คุณจะได้เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่อยู่ทน อยู่นาน การเลือกบริษัทที่เขาใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพที่สุดจึงเป็นคำตอบ!
5. มีการร่างแบบ 3 D
ในขั้นตอนของการทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน แน่นอนว่าต้องมีการพูดถึงงานออกแบบกันอยู่แล้ว จะดีกว่าไหมหากบริษัทที่คุณเลือกมีการร่างแบบ 3D และคุณสามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมได้ถึง 3 ครั้ง เพื่อที่การสรุปแบบ 3D ถูกต้อง เรียบร้อย และ เป็นแบบที่คุณพอใจ จากนั้นทางบริษัทจะนำมาทำเป็น Shop Drawing ซึ่งเป็นรายละเอียดของงานตกแต่งภายในทั้งหมด เพื่อนำไปให้ผู้รับเหมาใช้ในการคำนวณราคา หรือ เป็นแบบในการทำการตกแต่งภายในต่อไป
4 วิธีการดูแลผ้าม่านอย่างง่ายๆ
ผ้าม่านนั้นถือเป็นของตกแต่งภายในบ้านที่ช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังช่วยบดบังหรือลดทอนแสงแดดจากภายนอกที่ส่องเข้ามาภายในบ้านได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยเสริมให้สไตล์ในการแต่งห้องของเพื่อนๆ นั้นดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อาจละเลยที่จะดูแลรักษาผ้าม่านอยู่เสมอๆ ต่อไปนี้จะเป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผ้าม่านผืนโปรดของเพื่อนๆ นั้นอยู่ในสภาพเหมือนใหม่
1. ดูดฝุ่นผ้าม่านเดือนละครั้ง
เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองนั้นสะสมในรอยพับของผ้าม่านในปริมาณมาก เพื่อนๆ อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดฝุ่นละอองที่เกาะติดอยู่ที่ผ้าม่านบ้างเดือนละครั้ง อย่าลืมที่จะทำความสะอาดขอบของผ้าม่านเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าเป็นผ้าม่านที่มีการเปิดบานหน้าต่างเพื่อรับลมจากด้านนอกบ่อยๆ เพราะผ้าม่านเหล่านั้นมีการสัมผัสบ่อยครั้ง และจะสะสมฝุ่นละอองจากภายนอกมากกว่าบานหน้าที่ที่ไม่ได้เปิดรับลมเลย
2. ซักผ้าม่านบ้างหากรู้สึกว่ามันสกปรกมาก
ถอดผ้าม่านของเพื่อนๆ ออกมาซักบ้างหากมีความรู้สึกว่ามันสกปรกมาก โดยเฉพาะผ้าม่านภายในห้องครัวที่มีโอกาสดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลายจากการทำอาหารอยู่บ่อยครั้ง ในขั้นตอนของการซักนั้น หากผ้าม่านที่ใช้เป็นผ้าฝ้ายและผ้าลินินนั้นจะสามารถซักด้วยเครื่องได้เลย แต่หากเป็นผ้าชนิดอื่นอาจจำเป็นต้องซักด้วยมือเท่านั้น และก่อนที่จะซักผ้านั้นควรที่จะทดสอบโดยการเทน้ำลงไปบนผ้าในพื้นที่เล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบว่าผ้าม่านนั้นสีตกหรือไม่ และไม่ว่าจะซักด้วยเครื่องหรือมือ น้ำที่ใช้ในการซักควรเป็นน้ำอุณภูมิห้องและผงซักฟอกควรใช้ชนิดที่อ่อนโยนต่อผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าเกิดการหดตัวแล้วเป็นตะปุ่มตะป่ำไม่สวยงาม
3. นำผ้าม่านมารีดเมื่อจำเป็น
ในขั้นตอนหลังจากซักผ้าม่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ อาจจะต้องนำผ้าม่านมารีดเพื่อฟื้นฟูผ้าและเก็บจีบของม่านให้คมดังเดิม ในขั้นตอนของการรีดผ้าควรรีดด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าย่น และอุณภูมิความร้อนของเตารีดนั้นควรตั้งให้มีอุณภูมิต่ำๆ เพื่อที่จะไม่ให้ความร้อนจากเตารีดนั้นทำลายเนื้อผ้าผืนโปรดของเพื่อนๆ
4.การทำความสะอาดผ้าม่านด้วยการซักมือ
นี่อาจจะเป็นวิธีที่เหนื่อยมากที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ทำลายเนื้อผ้าน้อยที่สุดด้วย เพราะคุณสามารถควบคุมแรงมือของคุณได้วิธีนี้เหมาะสำหรับผ้าม่านที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ผ้าฝ้าย Cotton 100% หรือผ้าโปร่ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผ้าที่มีน้ำหนักไม่มากนัก หรือผ้าม่านตาไก่ที่ไม่สามารถถอดตาไก่ออกมาได้ควรใช้น้ำเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงการหดตัว ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบอ่อนโยนค่อย ๆ ซักทีละจุด ล้างด้วยน้ำสะอาด 3-4 ครั้งจนสะอาดหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดด้วยการซักมือสำหรับผ้าที่มีน้ำหนักมาก เพราะเป็นเรื่องยากที่จะบิดน้ำออก ระวังอย่าบิดผ้าหรือขยี้ผ้าแรง เพราะอาจทำให้เกิดรอยยับและใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการทำให้ผ้าม่านแห้งเหมาะสำหรับผ้าม่านโปร่ง ผ้าม่านทอลายหรือที่เรียกว่า jacquard ผ้าม่านที่มีส่วนผสมของ cotton ผ้าฝ้าย หรือผ้าลินิน
เลือกโซฟาเข้าบ้านกับ 10 ไอเดีย “โซฟา 3 สไตล์” ที่เข้ากับการตกแต่ง
โซฟา ถือได้ว่าเป็นเฟอร์เจอร์ที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดสำหรับห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ให้เราได้เอนกายทั้งนั่งทั้งนอนกันอย่งาสบายอารมณ์ ซึ่งโดยปกติเรามักจะเลือกรูปแบบโซฟากันแบบตามใจ หรือไม่ก็ให้เข้ากับการตกแต่งภายในบ้านของเรา
วันนี้ก็มีตัวอย่างของ 10 ไอเดีย “โซฟา 3 สไตล์” มาฝากเพื่อนๆ ซึ่งเป็นโซฟาที่มีสไตล์แบบโมเดิร์น มินิมอล และแบบอิสดัสเทรียล ลอฟท์ ใครชอบแนวไหนก็ตามมาเก็บไอเดียกันเลยครับ
โมเดิร์น
โซฟาในสไตล์นี้จะเน้นดีไซน์ที่ค่อนข้างมีสมมาตร มีรูปทรงที่อิงรูปทรงเราขาคณิต เช่น แบบยาว แบบตัวแอล เป็นต้น พร้อมกับมีโทนสีที่เรียบๆ จึงเหมาะกับบ้านโดยทั่วไปทุกๆ แบบการตกแต่ง
1
2
3
4
มินิมอล
โซฟาในสไตล์มินิมอลจะมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ให้ความอ่อนโยนไม่แข็งกระด้าง ทั้งยังเลือกใช้สีขาวหรือสีครีมเป็นหลัก จึงให้บรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย
5
6
7
อินดัสเทรียล ลอฟท์
อยากใครที่ชื่นชอบงานเครื่องหนัง และการดีไซน์แบบดิบเท่ โซฟาสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟท์ ตอบโจทย์ได้ครบทุกข้อเลย ซึ่งเข้ากับบ้านในสไตล์เดียวกัน หรือบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ตกแต่งแบบเท่ๆ
8
9
10
17 ไอเดียตกแต่งห้องเล็กๆ จิ๋วแต่แจ๋ว สวยเก๋ไม่ซ้ำใคร
ใครกำลังมองหาไอเดียตกแต่งห้องนอน หรือ คอนโดเล็กๆให้สวยงามและดูมีพื้นที่กว้างขวางขึ้น ลองมาดูเคล็ดลับแต่งบ้านแบบง่ายๆ พร้อมรูปตัวอย่างที่จะทำให้ห้องเล็กๆของคุณไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
1ฉากกั้นห้องแบบเลื่อนได้
มีวิธีง่ายๆหลายวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาห้องเล็กและแคบ หนึ่งในนั้นคือ บานเลื่อน โดยการที่มีฉากกั้นห้องที่เลื่อนได้นั้นสามารถกั้นห้องส่วนที่ไม่อยากให้แขกเห็นได้ ซึ่งเมื่อพอเลื่อนปิด มันจะดูเนียนไปกับห้อง ไม่ดูรกตา ส่วนตอนไหนต้องการจะเปิดโล่ง ก็เปิดได้เลย ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
2ใช้สีสว่างในการตกแต่งห้อง
จำไว้ว่าห้องเล็กๆควรใช้สีสว่างมากกว่าสีเข้มๆ แต่ไม่ควรใช้สีสว่างอย่างเดียวจนทำให้ห้องดูน่าเบื่อ
3ใช้ลวดลายหลอกตา
พิสูจน์แล้วว่าลายทางสีขาวดำนั้นมีประโยชน์ในการแต่งห้องมาก ไม่ว่าจะนำมาปูพื้นหรือเป็นพรมตกแต่งห้องก็ดี เห็นไหมว่าเคล็ดลับเกี่ยวกับลวดลายและสีสันนั้นไม่ใช่ได้ผลแค่กับเสื้อผ้า แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ตกแต่งห้องได้เช่นกัน
4เปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่ค่อยได้ใช้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ระเบียงเล็กๆสามารถนำมาปรับเปลี่ยนเป็นห้องเล็กๆอีกห้องได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานหรือเป็นห้องกินข้าวเล็กๆน่ารักก็ดีไปอีกแบบ
5เลือกใช้สีตัดกัน
ใครที่อยากจะแบ่งห้องสตูดิโอออกเป็นส่วนๆ สามารถเลือกใช้สีตัดกันเพื่อแบ่งเขตได้ จะเห็นได้จากในภาพ มีการใช้สีเหลืองตัดกับสีขาวเพื่อบอกว่าส่วนไหนคือห้องครัวและส่วนไหนคือห้องนั่งเล่น
6อยู่รวมกันอย่างลงตัว
เมื่อพูดถึงการแต่งห้องเล็กๆ เราต้องลองมองหาอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง อย่างเช่น จัดให้พื้นที่ทำงานอยู่ในห้องครัว แต่สิ่งที่ตองทำก็คือ ทำอย่างไรให้เฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่แตกต่างกันดูเข้ากันหรือมองผ่านๆแล้วลงตัว
7ดัดแปลงเฟอร์นิเจอร์ให้ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
ถ้าคุณมีพื้นที่ของห้องไม่มากนัก งั้นคุณควรมองหาเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์มัลติฟังก์ชั่น คือสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างในสิ่งเดียว จะเห็นจากในรูปคือคุณสามารถใช้เตียงนอนเป็นที่เก็บของใต้เตียงนอนใด้
8เปลี่ยนแปลนห้องใหม่
การวางแปลนห้องที่ดีสามารถช่วยให้คุณมีพื้นที่ในห้องมากขึ้น อีกทั้งยังได้สัดสวนห้องในแบบที่คุณต้องการ เพราะบางคนอาจใช้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไม่เท่ากัน อย่างบางคนไม่ชอบทำครัว ก็อาจทำเป็นครัวเล็กๆ แล้วจัดให้ส่วนอื่นกว้างแทน
9ใช้ชั้นวางของเป็นผนังกั้นห้อง
ห้องบางห้องก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลนห้องใหม่ เพียงคุณแค่อาจจะเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถแบ่งห้องสตูดิโอโล่งๆให้เป็นหลายๆโซนได้ อย่างการใช้เชล์ฟหรือชั้นวางของมากั้นห้องก็สวยไปอีกแบบ
10เปลี่ยนตู้เก็บของให้เป็นห้องทำงานขนาดมินิ
ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนว่าคุณต้องทำงานในห้องมืดๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะสิ่งที่คุณควรทำก็คือเอาประตูออก ติดไฟเล็กน้อย และตกแต่งให้ทุกส่วนในห้องใช้งานได้จริง เพียงเท่านี้คุณก็จะมีพื้นที่ไว้สำหรับนั่งทำงานเงียบๆ ที่ใช้เพียงพื้นที่เล็กๆของห้องทำนั้น ไม่เกะกะเลยด้วย
11แบ่งโซนด้วยการตกแต่งพื้นให้แตกต่างกัน
แบ่งโซนห้องของคุณได้ง่ายๆโดยการเปลี่ยนลวดลายบนพื้น ซึ่งดีมากๆแม้แต่ในห้องอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ อย่างการใช้ไม้และกระเบื้องแบบในรูป ที่นอกจากเข้ากันดีแล้วยังแบ่งเขตห้องครัวกับห้องอื่นๆได้ดีอีกด้วย
12ห้องนอนหลังม่าน
ถ้าคุณมีมุมน่ารักๆ อยากจะวางเตียงนอนไว้ตรงนี้ แต่กลัวว่าจะไม่มีความเป็นส่วนตัว การใช้ม่านบางๆบังจะช่วยหลบสายตาได้ แถมยังทำให้ห้องของคุณดูอบอุ่นและน่ารักอีกด้วย
13เวิ้งเตียงนอนขนาดอบอุ่นพอดี
แน่นอนว่าถ้าห้องของคุณเป็นแบบสตูดิโอคงจะหามุมทำเป็นห้องนอนลำบากหน่อย เวิ้งตรงผนังเล็กๆซักมุมที่สามารถวางเตียงเข้าไปได้พอดีน่าจะเป็นไอเดียที่ดีสุดๆ ทั้งน่านอน เป็นส่วนตัว แล้วยังดูอบอุ่น
14เตียงนอนสูงแบบเจ้าหญิง
ยกเตียงนอนของคุณให้สูงขึ้น แล้วจะมีพื้นที่ใช้เสริมเพิ่มขึ้นอีกนิด โดยบริเวณใต้เตียงของคุณสามารถใช้เป็นที่เก็บของหรือสามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าเล็กๆได้เลยนะ
15ห้องน้ำจิ๋วแต่แจ๋ว
ห้องน้ำไม่จำเป็นต้องเล็ก แคบ และของใช้ระเกะระกะเสมอไป สิ่งที่ควรใส่ใจซํกนิดก็คือเลือกตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมและเล่นสีให้ห้องน้ำดูมีอะไรน่าสนใจสักนิด
16สั่งทำเฟอร์นิเจอร์เอง
เฟอร์นิเจอร์ที่เราสั่งทำเองเป็นเซ็ต ทำให้เรากำหนดได้ว่าอยากให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนมีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง อย่างในรูปนี้จะเห็นว่าเตียงนอนนั้นเป็นได้ทั้งตู้เสื้อผ้า ชั้นหนังสือ และตู้เก็บของได้ในชิ้นเดียว
17เปลี่ยนจุดด้อยให้เป็นจุดเด่น
ห้องแบบสตูดิโอนั้นจะไม่มีผนังกั้นห้องใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันไม่ได้ทำให้แต่งห้องยากอย่างที่คุณคิด คุณอาจจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยเลือกแต่งห้องให้เต็มที ใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรให้เป็นประโยชน์
44 ไอเดีย “เตียงสองชั้นสำหรับเด็ก” สำหรับเริ่มฝึกนอนเอง เพิ่มความเป็นส่วนตัว และช่วยประหยัดพื้นที่
เตียงสองชั้น เป็นอีกหนึ่งไอเดียสำหรับเด็กเล็กที่ยังต้องแชร์ห้องนอนด้วยกันอยู่ นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องประหยัดพื้นที่ได้ค่อนข้างมาก หากเปรียบเทียบกับเตียงเดี่ยวสองเตียง แถมยังช่วยในการแบ่งพื้นที่ส่วนตัวเป็นสัดส่วนได้ง่ายๆ และยังให้เด็กๆ สามารถตกแต่งพื้นที่เตียงนอนของตัวเองได้อีกด้วย
โดยวันนี้ ในบ้าน ก็มีไอเดีย เตียงสองชั้น มาให้เพื่อนๆ ได้ชมมากถึง 44 ไอเดีย ซึ่งแต่ละแบบนั้นบอกเลยว่าเข้าได้กับหลายพื้นที่ มีทั้งแบบเป็นเตียงประกอบ หรือก่อผนังขึ้นมาโดยเฉพาะก็มี รับรองว่าไอเดียเหล่านี้จะถูกใจทั้งเด็กๆ รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอน พร้อมแล้วตามไปชมกับพวกเรากันเลยค่ะ
บ้านเช่าพร้อมเฟอร์นิเจอร์ มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
ธุรกิจบ้านเช่านั้นต้องยอมรับว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและได้ผลตอบแทนเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้จะต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ บางคนต้องกู้ธนาคารมาทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเล็กๆน้อยๆอีกมาก และบางคนอาจจะลังเลว่าจะปล่อยบ้านเช่า “ต้องมีเฟอร์นิเจอร์หรือไม่?” คำถามนี้แม้จะตอบไม่ได้อย่างแน่ชัดว่าต้องมีหรือไม่มี เพราะขึ้นอยู่กับผู้เช่าแต่ละคนด้วยว่าต้องการหรือไม่ จึงขออธิบายเพิ่มเติมถึงการปล่อยเช่าพร้อมเฟอร์นิเจอร์ว่ามีข้อดี-ช้อเสียอย่างไร?
ข้อดีของบ้านเช่าพร้อมเฟอร์นิเจอร์
1. ได้ค่าเช่าสูงขึ้น เป็นความได้เปรียบอย่างแรกเมื่อคุณให้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านด้วย เพราะจะทำให้บ้านดูมีมูลค่ามากขึ้น ผู้เช่าสามารถเข้าอยู่ได้ทันทีโดยไม่ต้องขนอะไรมามากมาย ดังนั้นหากคุณจะเปรียบเทียบค่าเช่ากับบ้านหลังอื่นๆที่เป็นบ้านเปล่า อย่าลืมบวกค่าเฟอร์นิเจอร์เข้าไปอีกเล็กน้อยประมาณ 15-20%
2. ดึงดูดผู้เช่าได้ดีกว่า ผู้เช่าบางคนที่ต้องการแบบหิ้วประเป๋าใบเดียวเข้าอยู่ได้เลย มักจะสนใจบ้าน/ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์พร้อม เพราะเขาไม่ต้องการซื้อไปวุ่นวายหาซื้อเฟอร์นิเจอร์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆย่อมไม่อยากให้มีภาระชิ้นใหญ่ติดตัว ดังนั้นการหาบ้านเช่าที่มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
3. ตัวบ้านไม่เสียหายจากการขนย้ายมากนัก ลองนึกภาพเวลาผู้เช่าแต่ละคนขนเฟอร์นิเจอร์เข้า-ออกทุกครั้งที่ย้าย บ้านคงเสียหายไม่ใช่น้อย เอาง่ายๆแค่ติดตั้งแอร์ จำเป็นจะต้องเจาะรูสำหรับท่อแอร์ และเมื่อผู้เช่าย้ายออกก็เอาแอร์ไปด้วย แต่ทิ้งรูไว้ที่ฝาผนังบ้านเราเหมือนเดิม (แม้ที่จริงแล้วเป็นหน้าที่ของผู้เช่าที่จะต้องอุดรูกลับให้เหมือนเดิม แต่เชื่อเถอะว่าน้อยรายที่จะทำแบบนั้น) พอคนใหม่เข้ามาอาจจะเปลี่ยนห้องติดแอร์ ก็เจาะรูเหมือนเดิม ทีนี้นึกภาพออกแล้วใช่ไหมว่าบ้านเราจะเป็นอย่างไร? ยังไม่รวมถึงร่องรอยต่างๆที่เกิดจากการขนย้าย ดังนั้นการมีเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้แล้วอาจจะเป็นการบรรเทาปัญหาเหล่านี้ลงไปบ้าง
4. เมื่อต้องขายทิ้งย่อมขายได้ราคาสูงกว่า เมื่อได้ค่าเช่าที่สูงกว่าราคาทั่วไป เมื่อตอนขายทิ้งคุณสามารถเคลมได้ว่าบ้านหลังนี้ได้ค่าเช่าสูงมาก ย่อมทำให้บ้านของคุณดูมีมูลค่ามากขึ้น
ข้อเสียของบ้านเช่าพร้อมเฟอร์นิเจอร์
1. เฟอร์นิเจอร์ที่ให้อาจไม่ถูกใจผู้เช่า แม้เราจะให้เฟอร์นิเจอร์ครบครันไปแล้ว แต่การตกแต่งหรือรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์อาจจะไม่ถูกใจผู้เช่าเท่าไหร่นัก บางคนเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ “ตัวเองชอบ” แต่ไม่ได้คำนึงว่ามัน mass พอที่จะปล่อยเช่าให้กับผู้อื่นได้หรือไม่ ดังนั้นการเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งบ้านเช่านั้นควรทำแบบกลางๆและพอประมาณ
2. เฟอร์นิเจอร์เสียหายเมื่อเจอผู้เช่าไม่ถนอมของ ปัญหาใหญ่ที่สุดเมื่อต้องให้เฟอร์นิเจอร์ไปกับบ้านเช่า เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้เช่าคนนี้รักษาของมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดปัญหาได้ง่าย เมื่อเจอคนใช้แบบไม่ถนอมก็จะทำให้เสียหายง่าย เจ้าของก็ต้องไปซื้อมาใหม่ เผ็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นเมื่อมีเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเช่า ควรทำสัญญาเพื่อเก็บค่าชดเชยแยกต่างหาก ป้องกันไม่ให้ผู้เช่าทำเสียหาย
3. ผู้เช่ามีเฟอร์นิเจอร์มาเองอยู่แล้ว ผู้เช่าบางคนเองก็มีเฟอร์นิเจอร์ส่วนตัวอยู่แล้ว พวกเขาย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องหาบ้านเช่าที่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ในบ้านให้ซ้ำซ้อนกัน ในกรณีนี้อาจจะต้องต่อรองเจรจากันว่าควรจะเอาชิ้นไหนออกบ้าง และหักค่าเช่าออกไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่การพิจารณาของเจ้าของบ้านเช่าว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเองมากกว่ากัน เพราะการซื้อเฟอร์นิเจอร์ย่อมเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาประมาณหนึ่ง อาจได้ไม่คุ้มเสีย แต่บางกรณีการมีเฟอร์นิเจอร์ก็ช่วยให้ปล่อยเช่าได้เร็วขึ้น อีกอย่างคือขึ้นอยู่กับตลาดการปล่อยเช่าแถวนั้นว่าคู่แข่งของเราให้เฟอร์นิเจอร์ด้วยหรือไม่ หมั่นพิจารณาคู่แข่งโดยรอบอยู่เสมอจะช่วยให้เรารู้เทคนิคและวิธีการปล่อยเช่าบ้านได้ดีขึ้น
หากท่านผู้อ่านท่านใด สนใจผลิตเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านเช่าในละแวกภูเก็ต กระบี่ พังงา สามารถติดต่อสอบถามมากับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเฟอร์นิเจอร์อย่างเราได้นะคะ
โทร 064-017-0919, 064-017-0848
ไลน์ไอดี: @gentdecor
รวมไอเดีย 10 ห้องครัว สวยๆ
ตกแต่งห้องครัวสวยๆ ด้วย 10 ไอเดีย ถ้าหากอยากเห็นไอเดียสวย ๆ ที่จะนำไปตกแต่งห้องครัวในฝันของคุณแล้วล่ะก็ ตามไปดูกันเลยค่ะ ว่าไอเดียเหล่านี้จะสวยถูกใจคุณสักแค่ไหน ..
คุณแม่บ้าน หรือคนที่ชื่นชอบการปรุงอาหารเป็นชีวิตจิตใจ คงกำลังนั่งคิดนอนคิด ถึง ห้องครัวในฝัน ที่จะทำให้คุณทำอาหารได้อย่างสบายใจกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพียงแค่คุณลองตกแต่งห้องครัวของคุณด้วยไอเดียต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ คุณก็จะได้ห้องครัวที่สวยเก๋ถูกใจแน่นอนเลยค่ะ เพราะการตกแต่งห้องครัวนั้นมีรายละเอียดต่าง ๆ ให้คุณเลือกตกแต่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับตู้เก็บของ ผนังห้องครัว พื้นห้องครัว หรือแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้ห้องครัวของคุณสวยโดดเด่นขึ้นได้ทั้งนั้น
1. คำนึงถึงความประหยัดและสวยงาม
ถ้าคิดจะทำห้องครัวความสวยอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะควรวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายให้รอบคอบ เพื่อให้เงินที่คุณลงทุนไปให้คุ้มค่าราคามากที่สุด ดังนั้นในการทำห้องใหม่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ของใหม่ทั้งหมด เก็บของที่ยังสามารถใช้ได้เอาไว้ แต่ถ้าอยากหาสิ่งของ เพื่อให้ดูกลมกลืนกับการตกแต่ง ลองเลือกซื้อของมือสองดูก็ได้ อาจจะได้ของดีราคาถูกที่คุณคาดไม่ถึงด้วยนะ
2. ตกแต่งห้องครัวด้วยของที่ระลึก
ลองตกแต่งห้องครัวของคุณด้วย ชุดจานชามสวย ๆ หรือชุดถ้วยกาแฟเก๋ ๆ ที่ได้มาจากงานวันเกิด ปีใหม่ หรืองานแต่ง นำมาประดับไว้บริเวณที่ว่าง ๆ หรือติดประดับไว้บนผนังโล่ง ๆ ก็ได้ จะทำให้ได้ใช้ของเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์อีกทั้งยังสวยเก๋ไม่เหมือนใครอีกด้วย
3. เลือกใช้สีตู้เก็บของที่แตกต่าง
ถ้ารู้สึกเบื่อตู้แบบเดิม ๆ ลองเปลี่ยนสีให้ดูโดดเด่น และวางให้อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ตรงข้ามทางเข้า หรือด้านข้างเคาน์เตอร์ สามารถสร้างสีสันเพิ่มเติมภายนอก ด้วยการเพ้นท์สีตู้ให้สดใส เช่น สีแดงที่ทำให้เกิดความอยากอาหาร หรือ เขียวดูแล้วสบายตา แต่คุณต้องแน่ใจด้วยว่าของในตู้ ควรจะจัดเรียงให้สวยงามเหมือนกับด้านนอกด้วยเช่นกัน
4. ห้องครัวสวยด้วยตู้เก็บของ
ห้องครัวของคุณคงไม่น่ามองแน่ ๆ หากภายในห้องเต็มไปด้วยอุปกรณ์ วางระเกะระกะอยู่มากมาย ดังนั้นคุณควรมีตู้ไว้สำหรับเก็บของไว้ในห้องครัวด้วย แยกออกตามการใช้งาน วางของที่จำเป็นไว้บนท็อปเคาน์เตอร์ ส่วนของที่ไม่ค่อยได้ใช้ เก็บเข้าไปไว้ในตู้ นำออกมาใช้เมื่อจำเป็น แค่นี้ก็จะได้ห้องครัว สวยสะอาดแล้ว
5. ห้องครัวพื้นปูนขัดมัน
การตกแต่งห้องครัวด้วยพื้นปูนขัดมัน เป็นจุดดึงดูดให้กับห้องครัวได้ดีที่เดียว สามารถตกแต่งได้ทั้งสไตล์โมเดิร์นและวินเทจ ยิ่งถ้าเสริมเฟอร์นิเจอร์ให้ดูโดดเด่น ห้องครัวพื้นปูนขัดมันของคุณจะยิ่งเจ๋งกว่าใครเลยล่ะ แต่มีข้อแม้ว่าคุณควรทำความสะอาดด้วยแว็กซ์ หรือ น้ำยาเคลือบผิว เพื่อให้พื้นเกิดความเงางาม จะได้ดูสวยงามอยู่เสมอด้วยนะคะ
6. เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน
การตกแต่งห้องครัวด้วยเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน จะทำให้ช่วยประหยัดพื้นที่ไปได้เยอะเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ชั้นวางจาน ที่เก็บช้อน ส้อม ตู้เย็น หรือไมโครเวฟ ก็สามารถใส่ในตู้บิวท์อินได้ทั้งนั้น ทั้งนี้ควรคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานด้วยนะคะ เช่น ไมโครเวฟ ที่ใช้สำหรับอุ่นอาหารทั่วไป หากวางไว้บนท็อปเคาน์เตอร์ จะใช้ได้สะดวกมากกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินก็ได้
7.ห้องครัวแนวหวาน
สำหรับบ้านที่มีเด็ก หรือคนที่ชอบอะไรหวาน ๆ ห้องครัวสีลูกกวาด อย่างสีชมพู หรือสีขนมหวาน อย่างสีพาสเทล ก็น่าสนใจเช่นกัน แสดงถึงความขี้เล่น ชอบออดอ้อนเหมือนแมวน้อยของคุณออกมาได้อย่างชัดเจน แถมยังให้อารมณ์คล้ายห้องครัวแนววินเทจอีกด้วย
8. ห้องครัวร่วมสมัย
สำหรับคนที่หลงใหล ในมนต์เสน่ห์ของยุคเก่า ๆ สามารถเลือกของเก่ามาใช้ใหม่ก็ได้ โดยลองนำมาผสมผสานระหว่างเฟอร์นิเจอร์ครัวชิ้นเก่า และเฟอร์นิเจอร์ครัวชิ้นใหม่ ให้ดูกลมกลืนกันอย่างร่วมสมัย หรือจะเลือกตกแต่งด้วยสีต่าง ๆ ในโทนสีเก่า ๆ และโทนสีสด ก็สามารถเข้ากันได้ด้วยนะ
9. ห้องครัวสไตล์แอนทีค
ของเก่าที่ไม่เคยตกเทรนด์ ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หรือการตกแต่ง ยังคงเป็นแบบที่มาแรงเสมอ ข้าวของเครื่องใช้ในครัวแบบเก่า ๆ นั้นก็มีให้เลือกซื้อมากมาย หรืออาจจะใช้เครื่องครัวเก่า ๆ ที่ไม่ใช้แล้วของคุณแม่มาตกแต่งก็ได้ ช่วยให้ความรู้สึกย้อนวันวานไปสมัยเด็ก ๆ อีกครั้งดูมีมนต์ขลังมากเลยล่ะ
10. ตู้สำหรับเก็บอาหารแห้ง
เชื่อว่าทุกบ้านจะต้องซื้ออาหารแห้ง เก็บเอาไว้ล่วงหน้า ดังนั้นควรมีตู้เก็บแยกอาหารต่างหาก เพื่อป้องกันความชื้นจากอากาศ ปัจจุบันมีให้เอกหลายแบบ หลายขนาดตามความเหมาะสมในการใช้ หากบ้านไหนที่มีเด็ก ควรคำนึงถึงลูกด้วย ว่าสามารถหยิบของได้สะดวกหรือเปล่า และจะมีอันตรายหรือไม่
ไอเดียทั้ง 10 แบบที่เรานำมาฝากกัน คงทำให้ใครหลายคนได้ไอเดียแต่งห้องครัวในฝันกันได้แล้วใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งห้องครัวในส่วนต่าง ๆ เคาน์เตอร์ ชั้นวางของ หรือตู้เก็บอุปกรณ์ทำครัว ก็สามารถตกแต่งได้หลากหลายวิธี ลองใช้จินตนาการที่สร้างสรรค์ให้เป็นประโยชน์รับรองว่าจะได้ครัวสวย ๆ ที่ไม่ซ้ำใครแน่นอนค่ะ
หากท่านผู้อ่านท่านใด สนใจผลิตครัวบิ้วอินในละแวกภูเก็ต กระบี่ พังงา ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว โครงการบ้านจัดสรร หรือแม้แต่กระทั่งบ้านเช่า สามารถติดต่อสอบถามมากับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเฟอร์นิเจอร์อย่างเราได้นะคะ
โทร 064-017-0919, 064-017-0848
ไลน์ไอดี: @gentdecor
5 ไอเดียแต่งคอนโดสไตล์ญี่ปุ่น เอาใจคนรักความสวยเรียบง่ายสไตล์ Minimal
คอนโดห้องเล็กก็แต่งสวยได้ ด้วย 5 ไอเดีย แต่งคอนโดสไตล์ญี่ปุ่น
1.ตกแต่งห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเอิร์ธโทน
ไอเดียแรกในการแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นก็คือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ค่ะ เพราะเฟอร์นิเจอร์โดยรวมของห้องสไตล์ญี่ปุ่นนั้นเราจะเน้นใช้งานเฟอร์นิเจอร์ไม้และการเลือกใช้สีอ่อนรวมถึงสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก เพื่อสร้างความอบอุ่น เรียบง่าย ดูสะอาดและสบายตา แถมการใช้เฟอร์นิเจอร์เอิร์ธโทนยังทำให้ห้องขนาดเล็กดูโปร่งขึ้นด้วยนะ
2.เพิ่มกิมมิกด้วยประตูบานเลื่อน
การแต่งห้องที่ดูยังไงก็ดูญี่ปุ๊น…ญี่ปุ่นก็คือการใช้ประตูบานเลื่อนกระดาษ หรือถ้าใครคิดว่าประตูบานเลื่อนกระดาษไม่เหมาะกับอากาศที่ค่อนข้างชื้นของบ้านเราก็สามารถใช้บานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมกรุด้วยกระจกฝ้าสีขาวขุ่นก็ช่วยให้ห้องกลายเป็นห้องบรรยากาศญี่ปุ่นได้เหมือนกันค่ะ เพราะการใช้บานเลื่อนกั้นห้องแบบประตูกระดาษหรือกระจกจะช่วยให้ห้องดูมีความเป็นสัดส่วนขึ้น แต่ก็ยังทำให้ห้องโล่งโปร่ง ไม่ทำให้อับทึบ และยังช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ดี เหมาะกับคนที่อยากแต่งคอนโดสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ
3.เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in
เฟอร์นิเจอร์ Built-in หมายถึง เฟอร์นิเจอร์ที่ติดตั้งเข้ากับพื้นที่ในขนาดที่พอดี ซึ่งก็คือเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบมาสำหรับพื้นที่ภายในบ้านส่วนนั้นโดยเฉพาะนั่นเอง สำหรับห้องขนาดเล็กหรือห้องที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการพื้นที่ใช้สอยมากๆ เฟอร์นิเจอร์ Built-in นั้นถือว่าตอบโจทย์มากๆ เพราะนอกจากจะประหยัดเนื้อที่แล้วยังสามารถใช้ประโยชน์ได้เหมือนกับเฟอร์นิเจอร์ปกติเลย โดยใครที่อยากแต่งคอนโดสไตล์ญี่ปุ่นให้ลองใช้เฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินสีอ่อนอย่างสีขาวหรือเอิร์ธโทนดูนะคะ รับรองช่วยเพิ่มบรรยากาศในห้องได้ดีแถมยังมีฟังก์ชันการใช้งานเหมาะกับคนอยู่คอนโดอีกด้วย
4.ออกแบบพื้นที่ต่างระดับ
บ้านคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะฉะนั้นให้เราดัดแปลงไอเดียโดยการดัดแปลงพื้นที่บางส่วนของห้องให้มีความต่างระดับโดยการยกพื้นขึ้น อาจยกพื้นส่วนห้องนอนเพื่อวางฟูกนอนแล้วทำลิ้นชักใส่ของตรงส่วนที่เรายกพื้นก็ได้ รับรองบรรยากาศแบบญี่ปุ่นสุดๆ แถมยังได้พื้นที่เก็บของเพิ่มอีกด้วยนะ
5.คุมธีมความเรียบง่ายแบบ Minimal Japanese
ไหนๆ ก็จะแต่งคอนโดสไตล์ญี่ปุ่นกันแล้ว ของตกแต่งก็สำคัญนะคะ โดยควรเลือกของตกแต่งห้องให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เช่น รูปภาพสีสันสวยงาม ลวดลายเรียบง่าย บรรจุในกรอบไม้ กระถางต้นไม้สีอ่อน ต้นไม้ประดับสวยๆ โคมไฟหรือของตกแต่งจากไม้และวัสดุธรรมชาติ เป็นต้น การคุมโทนก็สำคัญดังนั้นพยายามอย่าหลุดธีมจะทำให้อคนโดของเราสวยแบบลงตัวมากกว่าค่ะ
อยากแต่งบ้านหรือห้องสไตล์ญีปุ่่นแต่ยังไม่รู้จะทำยังไง ลองหาไอเดียที่ชอบแล้วปรึกษากับเราให้เราผลิตให้ได้เลยนะคะ
โทร 064-017-0919, 064-017-0848
ไลน์ไอดี: @gentdecor
วิธี วางเฟอร์นิเจอร์ จัดพื้นที่ห้อง ให้อยู่สบาย ด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้!
การจัดเฟอร์นิเจอร์ให้เข้าที่เข้าทาง ในบางครั้ง ก็เป็นงานที่ตัดสินใจยากที่สุด จึงทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะ วางเฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ตามแต่พื้นที่ว่างแบบเท่าที่มี และเพราะไม่ได้วางแผนมาก่อน ก็จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ก็กลายเป็นอุปสรรค ขัดขวางการใช้งานตามจริง ใช้งานได้ไม่สะดวกซะอย่างนั้นแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะฉะนั้นจะดีกว่ารึเปล่า ถ้าลองทำตามเทคนิคง่ายๆ จากบทความนี้ เพื่อช่วยให้ห้องของคุณเป็นห้องที่ใช่ สำหรับชีวิตประจำวัน และคุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยในการจัดห้องใหม่และแก้ไขซ้ำไปซ้ำมาอีกต่อไป!
เริ่มด้วยการเคลียร์พื้นที่ให้โล่งที่สุด
ถ้าเป็นไปได้ การเริ่มจากห้องที่ว่างเปล่าเลยจะยิ่งดีที่สุด เรารู้ว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องยาก ยิ่งกับห้องภายในคอนโดแคบๆ ที่จะเคลียร์ข้าวของออกไป แต่บางทีคุณอาจเห็นมุมที่แปลกใหม่ของพื้นที่ขึ้นมาก็ได้ เมื่อไม่มีอะไรมากวนสายตา
เลือกจุดกึ่งกลางของห้อง
ห้องทุกห้องต้องการจุดกึ่งกลางของตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางขององค์ประกอบอื่นๆ บางที่สิ่งที่คุณเลือกอาจเป็นเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาสักชิ้น หรือของที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตั วเช่น งานศิลปะที่มีเพียงชิ้นเดียว เมื่อได้จุดกึ่งกลาง การทำงานของคุณก็จะเริ่มง่ายขึ้น เช่น ในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น คุณก็สามารถจัดให้เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ พวกเก้าอี้ โต๊ะ เตียง ให้หันเข้าหาจุดโฟกัสของห้องได้เลย
ตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่กับพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยต้องสอดคล้องกัน
เฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ ในที่นี้ ถ้าห้องนั่งเล่นคงเป็นโซฟา ส่วนห้องนอนคงเป็นเตียง และห้องกินข้าวก็คงเป็นโต๊ะหลัก ของพวกนี้จำเป็นที่จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ดี ยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งกวนสายตาง่าย เพราะฉะนั้นคุณต้องนึกถึงเส้นทางที่คุณจะใช้เดินไปมาในบ้านของคุณ การเชื่อมต่อของห้องต่างๆ เช่น ถ้าคุณเดินตัดผ่านห้องกินข้าวไปสู่ห้องครัวบ่อยๆ แน่นอนว่าคุณคงไม่อยากเสียเวลากับการเดินอ้อมโต๊ะตัวใหญ่ๆ ไปมา และอีกข้อที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ พฤติกรรมการใช้ห้องต่างๆ พยายามอย่าเอาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ไปขวางทาง บังสายตาในการมองไปยังห้องอื่นๆ จากห้องที่คุณอยู่บ่อยๆ เพราะเมื่อมีอะไรผิดปกติ คุณจะได้รับรู้ทันที
ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เหลือกำหนดสัดส่วน
ข้อนี้จะสำคัญมากหากห้องของคุณมีขนาดใหญ่ ซึ่งการไม่จัดสัดส่วนของห้องให้ดีจะทำให้ห้องดูกว้างเกินไปและทำให้การวางเฟอร์นิเจอร์ดูเละเทะขึ้นมาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นการสร้างเขตแดนปลอมๆ ซ้อนในห้องก็จะช่วยให้ห้องของคุณดูมีระเบียบขึ้น
ของชิ้นเล็กๆ ควรเอาไว้ห่างจากทางเดิน
เพราะหลายๆ ครั้งคุณจะไม่ทันมองพวกมัน และเดินชนอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้รีบเอาของชิ้นเล็กๆ เก็บไว้บนตู้ หรือนำมาซ้อนกันเพื่อให้สูงขึ้น การจัดให้เป็นกลุ่มก้อนก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน
คำนึงถึงขนาดของเฟอร์นิเจอร์ที่วางอยู่ใกล้ๆ กัน
เฟอร์นิเจอร์นอกจากจะต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่ควรมีขนาดใหญ่จนทำให้ห้องดูอึดอัดแล้ว การจัดวางของเฟอร์นิเจอร์ที่ขนาดแตกต่างกันมากๆ ให้อยู่ข้างกันมักทำให้รู้สึกขัดๆ และแปลกตา เช่น ชุดโซฟาก็ไม่ควรมีเก้าอี้เดี่ยวเล็กๆ เสริมอยู่แถวนั้น ภาพวาดขนาดเล็กก็ไม่น่าแขวนอยู่ภาพเดียวบนผนังกว้างๆ ประมาณนี้
เฟอร์นิเจอร์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดผนังเสมอไป
อย่าคิดง่าย ทำง่าย ด้วยการเอาเฟอร์นิเจอร์เกือบทุกอย่างไปแปะๆ อยู่ที่ข้างผนัง ยิ่งกับห้องขนาดใหญ่ การเว้นระยะระหว่างเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นกับผนังห้องจะทำให้ห้องดูมีขอบเขตทีชัดเจนขึ้น ยิ่งกับห้องขนาดเล็ก จะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณ ไม่ดูเหมือนว่ากำลังถูกบีบอัดกับผนังทุกชิ้น
กะตำแหน่งของโต๊ะในชุดโซฟาให้ดี
ถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัวจากการเอาศอกหรือเข้าไปกระแทกกับมุมโต๊ะบ่อยๆ โต๊ะขนาดเล็กในชุดโซฟาควรมีระยะห่างออกจากโซฟาอย่างพอเหมาะ มีที่ให้เดิน แต่ไม่ควรอยู่ไกลเกินไปจนลำบากในการใช้งาน
อย่าลืมตำแหน่งของแสงสว่าง
แสงที่ไม่เพียงพอจะทำให้ห้องดูอึมครึม ควรคำนึงถึงตำแหน่งที่ต้องการแสงในการใช้งาน และเฉดสีของแสงให้เหมาะสมในแต่ละจุด แสงที่พอดีจะช่วยให้ห้องดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
หากท่านผู้อ่านท่านใด สนใจผลิตครัวบิ้วอิน หรือเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินต่างๆ ในละแวกภูเก็ต กระบี่ พังงา ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว โครงการบ้านจัดสรร หรือแม้แต่กระทั่งบ้านเช่า สามารถติดต่อสอบถามมากับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเฟอร์นิเจอร์อย่างเราได้นะคะ
โทร 064-017-0919, 064-017-0848
ไลน์ไอดี: @gentdecor