รู้จักโครงไม้ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ Built-in
การนำไม้จริงขนาดใหญ่มาทำงานเฟอร์นิเจอร์เหมือนในอดีตนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันไม้จริงนั้นหาได้ยากและมีราคาสูง จึงมีการนำเอาไม้จริงขนาดเล็กๆมาทำเป็นโครงสร้างและเป็นส่วนประกอบต่างๆในการงาน วันนี้เรามาทำความรู้จักโครงไม้ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ Built-in กัน
ไม้โครงที่ใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อิน มีหลายรูปแบบดังนี้
- โครงไม้เส้นเดียว
เป็นโครงไม้จริงเส้นเดียว ราคาแพง เนื่องจากหาไม้ขนาดยาวได้ยาก ข้อเสียคือตัวโครงที่บิดเบี้ยวทำได้ยากในการใช้งาน
- ไม้จ๊อยส์หรือไม้ต่อกัน
เป็นการนำเอาชิ้นไม้ขนาดสั้นๆมาต่อกัน ไม้แต่ละชิ้นที่นำมาต่อกันจะถูกทำให้เป็นซี่ๆ เหมือนฟันเลื่อยและเชื่อมต่อกันด้วยกาว โครงที่ได้ราคาถูกกว่าโครงไม้เส้นเดียว ข้อดีคือไม้ไม่บิดเบี้ยวหมือนโครงไม้จริงเส้นเดียว
โครงไม้จ๊อยส์ประเภทต่างๆ
- ฟิงเกอร์จ๊อยส์
การต่อไม้โครงที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อิน หรืองานตกแต่งภายในเป็นกระบวนการเพิ่มความยาวของไม้ การเชื่อมต่อชิ้นไม้แต่ละชิ้นนั้นใช้กาวเป็นตัวประสาน การต่อไม้จะไม่แข็งแรงเนื่องจากชิ้นไม้จะมีการดูดซึมเข้าไปก่อนที่กาวจะเซ็ทตัว เพื่อให้เกิดความแข็งแรง จึงต้องทากาวให้สัมผัสกับด้านข้างของเนื้อไม้ จึงป็นเหตุผลในการทำหัวไม้ในลักษณะฟันปลาเพื่อให้กาวสัมผัสหน้าไม้ที่ไม่ใช่หัวไม้แทน
- บัทจ๊อยส์
รอยฟันปลาจะอยู่ที่ด้านความหนาของโครงไม้แทนด้านกว้าง การต่อไม้แบบนี้จะทำให้แผ่นเศษไม้ที่ต่อกันแล้วมีหน้ากว้างมาก ดังนั้นการใช้งานไม้ที่ต่อแบบบัทจ๊อยส์ จึงเป็นการนำเอาเนื้อไม้ที่ต่อกันเป็นหน้ากว้างมาทำเป็นแผ่นชั้นวางของ
โครงไม้ที่นิยมนำมาทำเป็นไม้โครงงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อิน
- ไม้สักสวนป่าจ๊อยส์
เนื้อไม้ไม่แข็ง ใช้ทำงานง่าย ไม่บิดตัว ค่อนข้างเป็นเส้นตรง เนื่องจากอายุของไม้มีน้อย และมีกระพี้ติดมามาก ยางจึงมีไม่มากพอ จึงไม่สามารถป้องกันปลวกได้
- ไม้สักจ๊อยส์พม่า
เนื้อไม้นิ่มทำงานง่าย เป็นเส้นตรงไม่บิดตัว ป้องกันปลวกได้ดีกว่าไม้สักสวนป่าที่ราคาค่อนข้างสูง
- ไม้แดงจ๊อยส์
เนื้อไม้แข็ง ป้องกันปลวกได้ดี ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะราคาค่อนข้างสูง
- ตะแบกจ๊อยส์
สีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง เป็นไม้เนื้อแข็ง ตรงไม่บิดตัว แข็ง ปลวกไม่ชอบ มีสีและความสวยงามใกล้ไม้สัก แต่ถ้าโดนความร้อนหรือความชื้น ก็จะโกร่งตัวได้ง่าย
- ตะเคียน
เป็นไม้เนื้อแข็ง สีออกเหลืองทองไม่บิดงอง่าย ยึดเกาะตะปูดี ทำงานยาก เนื้อไม้มีตำหนิคล้ายรูมอดซึ่งเป็นลักษณะทางธรรมชาติ ไม่มีผลต่อความแข็งแรง
- ไม้เบญพรรณจ๊อยส์
สีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาลแดง เป็นไม้เนื้อผสมอ่อนและแข็ง มีลักษณะตรง ไม่บิดตัว รับแรงได้ดีหนักแน่นมั่นคง ส่วนใหญ่ใช้ในงานไม้แบบก่อสร้างมากกว่าจะใช้ในงานตกแต่งภายใน
- ทุเรียนจ๊อยส์
ไม้เนื้ออ่อน การเกาะยึดเกลียวปล่อยหรือตะปูไม่ดี ป้องกันปลวกไม่ได้ ราคาถูก งานที่ได้มีคุณภาพต่ำ
- ยางพาราจ๊อยส์
เป็นไม้โตเร็วหาได้ง่าย ราคาถูก การทำงานง่าย มีการบิดตัวง่าย ในเนื้อไม้มีสารที่เป็นอาหารของปลวกและเชื้อรา งานที่ได้มักมีอายุการใช้งานสั้น
- สยาแดง
เป็นไม้เนื้ออ่อน ไม่บิดตัว เนื้ออ่อน เบาแต่ไม่เปราะ ทำงานง่าย เนื้ออ่อนเบา การยึดเกาะไม่ดี ราคาถูก เหมาะกับงานที่ต้องการความประหยัด แต่คุณภาพและความแข็งแรงทนทาน
ข้อดี-ข้อเสีย Built-in ด้วยตนเอง VS มืออาชีพ
การ Built-in สมัยนี้คุณสามารถที่จะทำด้วยตัวเองได้หรือจ้างช่างมืออาชีพก็ได้ วันนี้เราจะมาพูดคุยถึงข้อดีและข้อเสียเกี่ยวกับการบิ้วด้วยตัวเองและการบิ้วอินจากช่างมืออาชีพ วิธีไหนเป็นวิธีดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับคุณ วันนี้เราจะมาสรุปให้คุณฟังง่ายๆ กัน
ข้อดี Built-in ด้วยตัวเอง
- ช่วยประหยัดต้นทุน หากคุณคำนึงถึงความประหยัด แน่นอนว่าการบิ้วท์อินด้วยตัวเองถูกกว่าไปจ้างช่างแน่นอน ถ้าคุณมีความสามารถ ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นช่างมาก่อนก็ไม่จำเป็นต้องจ้างช่างเลย
- ช่วยให้คุณมีความรู้มากขึ้น การที่คุณลงมือทำเอง คุณจะต้องเข้าไปศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ทำให้คุณพัฒนาและเสริมความรู้ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
- ผลงานการบิ้วท์อินของคุณตรงตามสิ่งที่คุณต้องการ การที่เราจ้างช่างอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน บางทีสิ่งที่เราต้องการกับสิ่งที่ช่างเข้าใจอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะฉนั้นการบิ้วท์อินด้วยตนเองจะทำให้ตรงตามความต้องการเราที่สุดแล้ว
ข้อเสีย Built-in ด้วยตัวเอง
- หากไม่มีประสบการณ์และความรู้ การบิ้วท์อินจะประสบความสำเร็จนั้นค่อนข้างยาก อาจทำให้คุณเสียทรัพย์สินมากมาย เกิดอันตรายต่อตัวคุณได้ และอาจจะได้ผลงานที่คุณภาพแย่อีกด้วย ดังนั้นหากไม่มีประสบการณ์ แนะนำให้จ้างช่างจะดีกว่า
- หากต้องการผลงานที่มีคุณภาพ ช่างมืออาชีพเกี่ยวกับการบิ้วท์อินจะมีเครื่องมือและเทคนิคต่างๆในการสร้างผลงานที่ดีกว่า เพราะการบิ้วท์อินด้วยตัวเองมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายได้
ข้อดี Built-in จากช่างมืออาชีพ
- ได้ผลงานการบิ้วท์อินที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม แน่นอนว่าช่างมืออาชีพนั้นมีประสบการณ์และความเข้าใจ หากคุณอยากได้ผลงานที่ออกมามีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน การเลือกช่างมืออาชีพถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีในการบิ้วท์อิน
- ประหยัดเวลา การจ้างช่างบิ้วท์อินช่วยลดระยะเวลาและช่วยให้ได้ผลงานออกมารวดเร็วมากขึ้น สำหรับคนที่ต้องการงานรวดเร็วทันใจ
- สามารถออกแบบงานเองได้ ช่างมืออาชีพนั้นมีความรู้และความเข้าใจดี ทำให้คุณสามารถออกแบบงานได้อย่างอิสระ
ข้อเสีย Built-in จากช่างมืออาชีพ
- ราคาที่แพง การบิ้วท์อินสมัยนี้เป็นที่นิยมเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลต่อราคาและค่าแรงที่เพิ่มสูงตามไปด้วย ยิ่งถ้าคุณต้องการงานที่เร่งด่วนรวดเร็วมีคุณภาพ ราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้น
- บริการซ่อมแซมหรือรับประกัน บางบริษัทอาจจะไม่มีบริการหลังบิ้วท์อิน เมื่อการบิ้วท์อินของคุณเกิดปัญหาหรือเสียหายขึ้นมา ทางบริษัทบิ้วท์อินจะไม่มีการรับประกัน ซึ่งมีความเสี่ยงมากถ้าคุณไม่เลือกบริษัทบิ้วท์อินที่ไม่มีคุณภาพ
แนวคิดในการ Built-in ห้องนอน มีอะไรบ้าง?
ห้องนอน กลายเป็นห้องสำคัญที่สุดภายในบ้าน เพราะห้องนอนเป็นห้องเดียวที่ส่วนใหญ่เราจะใช้ทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการพักผ่อน ดังนั้นการตกแต่ง Built-in จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เราจึงขอนำเสนอแนวคิดในการ Built-in ห้องนอน ว่ามีอะไรบ้าง?
เลือกตำแหน่งการวางเตียงนอน
หากต้องการวางเตียงขนาดใหญ่ ควรวางไว้กลางห้องนอนโดยให้หัวเตียงชิดกับผนังห้อง หากเป็นเตียงขนาดเล็ก ให้วางชิดมุมห้อง เพื่อเหลือพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น หากเราเลือกเตียงที่บิ้วท์อินขึ้นมา แนะนำควรเป็นเตียงนอนที่ลอยตัวขึ้นมาและชั้นล่างเตียงให้เป็นลิ้นชักเก็บของหรือชั้นวางของ เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย หรืออาจจะเลือกเตียงที่สามารถพับเก็บและยกชิดเข้าผนังได้ ค่อยดึงออกมาใช้เฉพาะเวลานอนเท่านั้น
เลือกโทนสีให้ห้องนอน
ห้องนอนขนาดเล็กควรใช้สีโทนสว่าง เพื่อให้ห้องดูมีพื้นที่กว้างขึ้น ซึ่งเป็นโทนสีที่เหมาะกับห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่น หากชอบสไตล์โมเดิร์นหรือสไตล์มินิมอล ให้เลือกใช้โทนสีอ่อน เช่น สีเทา สีควันบุหรี่ ก็ได้เช่นกัน
พื้นที่สำหรับเก็บของ – โชว์ของในห้องนอน
ถ้าห้องขนาดเล็ก แค่เราบิ้วท์อินให้ตู้หรือชั้นเก็บของติดผนัง มีบานเลื่อนเปิด-ปิด เพื่อบังสิ่งที่รบกวนสายตา ช่วยให้ห้องนอนดูสะอาดและเป็นระเบียบ แต่ควรคิดเผื่อการทำความสะอาดด้วย เพราะการทำความสะอาดจะยากและอาจจะกลายเป็นพื้นที่เก็บฝุ่นอย่างดีเลยทีเดียว
ประตู – หน้าต่างในห้องนอน
การบิวท์อินห้องนอนขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นประตูหรือหน้าต่างควรเลือกเป็นบานเลื่อน จะช่วยลดพื้นที่เปิด-ปิดได้มากเลยทีเดียว รวมไปถึงเฟร์นิเจอร์ก็ควรเป็นบานเลื่อนให้หมดด้วยเช่นกัน
การแบ่งส่วนต่างๆ ภายในห้องนอน
อย่าแบ่งโดยใช้ผนังกั้นเพราะจะยิ่งทำให้ห้องดูเล็กลงไปอีก ควรเปลี่ยนเป็นฉากกั้นหรือใช้ชั้นวางของเป็นตัวแบ่ง ก็จะสามารถทำให้ห้องนอนเป็นสัดส่วนได้โดยไม่ดูอึดอัด
เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอน
ห้องนอนที่มีขนาดเล็ก การบิ้วท์อินควรคิดเสมอว่าเฟอร์นิเจอร์นั้นๆ ต้องใช้งานได้มากกว่าหนึ่งอย่าง หรืออาจเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นที่สามารถใช้เก็บของได้เยอะ เพียงเท่านี้ก็สามารถประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องได้มากขึ้น
เพิ่มกระจกสะท้อนให้ห้องดูกว้างขึ้น
ห้องนอนขนาดเล็ก เราสามารถเพิ่มกระจกสะท้อน ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นและช่วยให้ห้องมีหลายมิติมากขึ้น โดยกระจกควรเลือกเป็นกระจกที่ติดผนังหรือติดกับประตูบานเลื่อนตู้เสื้อผ้าก็ได้
สิ่งของที่ใช้ตกแต่งสวยงามในห้องนอน
อาจใช้เป็นภาพสวยๆ โมเดลที่เราชอบ หรือกระถางต้นไม้ฟอกอากาศ ไว้สักมุมของห้อง เพื่อทำให้ห้องมีจุดพักสายตาและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
รู้ก่อนตัดสินใจทำเฟอร์นิเจอร์ Built-in
เฟอร์นิเจอร์ Built-In เป็นเฟอร์นิเจอร์ประเภทหนึ่งที่มีการออกแบบให้สัมพันธ์กับพื้นที่ ที่จะติดตั้ง จะเป็นการทำเฟอร์นิเจอร์ขึ้นที่หน้างานหรือทำขึ้นจากโรงงานแล้วนำมาประกอบที่หน้างานก็ได้ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ลักษณะนี้จะเป็นการติดตั้งที่ติดแล้วติดเลย หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนย้าย จะต้องทำการรื้อเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งข้อหนักใจสำหรับใครที่อยากจะเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน เรามาดูกันว่า..ข้อดี-ข้อเสีย ของการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน เผื่อใครจะได้นำไอเดียไปประกอบก่อนการตัดสินใจทำ
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ Built-In
- เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินได้รับการออกแบบโดยมีการคำนวณพื้นที่ก่อนการติดตั้ง จึงทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่จะติดตั้งนั้นมีความพอดีกับพื้นที่
- เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินจะช่วยให้ห้องของคุณเป็นสัดส่วน มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เพราะเฟอร์นิเจอร์มีการวัดขนาดพื้นที่ก่อนการติดตั้ง ทำให้ห้องดูมีความเรียบร้อยมากขึ้น
- เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินสามรถดัดแปลงการออกแบบได้ ตามรูปแบบ สไตล์ รวมถึงฟังก์ชั่นใช้งานตามความต้องการของผู้อาศัย
- เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินมีความแข็งแรงทนทาน โครงสร้างของห้องไม่ว่าจะเป็นพื้นหรือผนังสามารถใช้ประโยชน์ได้ได้อย่างคุ้มค่า
- มีฟังก์ชันครบตอบโจทย์การใช้งาน เพราะในการทำเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินสามารถเพิ่มฟังก์ชันต่างๆให้กับเฟอร์นิเจอร์ได้ ไปจนถึงการออกแบบมาเพื่อจัดเก็บสิ่งของต่างๆ ทำให้ง่ายและตรงตามความชอบของเรามากที่สุด
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ Built-In
- ประเด็นแรกคือเรื่องของราคา เพราะเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินจะมีราคาต้นทุนที่ค่อนข้างสูง คิดรวมกับค่าออกแบบ การคำนวณวัดพื้นที่ ขนาดของเฟอร์นิเจอร์ จุดที่จะติดตั้ง ตลอดไปจนถึงค่าจ้างช่างผู้ติดตั้ง และการเลือกใช้วัสดุบิวท์อิน
- งานเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินจะเป็นการเหมาทำทั้งห้องมากกว่ารับทำเป็นชิ้นหรือบางจุด ทำให้มีราคาที่สูง
- เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ จึงทำให้การรื้อถอนนั้นมีความลำบากและไม่สามารถทำด้วยตนเองได้ จะต้องมีการจ้างช่างเพื่อทำงานรื้อถอนเท่านั้น ซึ่งไม่เหมาะกับใครที่ชอบเปลี่ยนสไตล์บ่อยๆ
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคงเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังคิดอยู่ว่าจะติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินว่าดีหรือไม่ หากต้องการจะบิวท์อินแนะนำให้เลือกโรงงานเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่ได้มาตรฐานอย่าง Gent Decor – โรงงานรับผลิต ออกแบบ และจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ราคาโรงงาน เพราะคงไม่มีใครอยากจะซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ในบ้านอยู่บ่อยๆ
ไอเดีย “ชุดครัวบิวท์อิน (Shaped Kitchen)” สะดวกสบาย ใช้งานง่าย ประหยัดพื้นที่
ห้องครัว คือส่วนหนึ่งในบ้านที่ควรให้ความสำคัญ เพราะในทุกๆ วันเราต้องทานอาหาร การออกแบบห้องครัวให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะห้องครัวในบ้านหลังเล็กที่มักจะมีพื้นที่จำกัด การจัดสรรจะต้องคำนึงถึงการใช้งานพื้นที่ที่คุ้มค่าที่สุด ในจำนวนตารางเมตรที่มีเพียงน้อยนิด
การออกแบบ เคาน์เตอร์ครัวรูปทรงตัวแอล (L-Shape) นับว่าตอบโจทย์ห้องครัวที่มีพื้นที่คับแคบ เพราะสามารถใช้พื้นที่มุมห้องให้เกิดประโยชน์ได้ และยิ่งถ้าติดตู้ลิ้นชักบิวท์อินแขวนผนังไว้ด้วย ก็จะยิ่งมีพื้นที่เก็บของใช้ต่างๆ มากขึ้นด้วย
วันนี้ จะพาเพื่อนๆ ชาวเว็บไปชม ครัวบิวท์อินรูปตัวแอล ผลงานการออกแบบจาก แต่ละแบบมีดีไซน์ที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากเพื่อนๆ ชาวเว็บกำลังมองหาชุดครัวบิวท์อินสวยๆ กันอยู่ล่ะก็ ตามมาชมกันเลยค่ะ
1. Classic Loft Kitchen (ครัวบิ้วอินสไตล์ลอฟท์)
2. Modern Ock (ครัวบิ้วอินสีโอ๊คสไตล์โมเดิร์น)
3. Modern Dark Ock (ครัวบิ้วอินสีโอ๊คสไตล์โมเดิร์น)
4. Modern Black & White (ครัวบิ้วอินสีขาว-ดำสไตล์โมเดิร์น)
5. White-Oak Kitchen (ครัวบิ้วอินสีขาวท๊อปลายไม้)
6. Red-Black Kitchen (ครัวบิ้วอินสีแดง-ดำสไตล์โมเดิร์น)
7. Woody Classic Kitchen (ครัวบิ้วอินลายไม้สไตล์คลาสสิค)
8. Loft Style Kitchen (ครัวบิ้วอินสไตล์ลอฟท์)
9. Woody Classic Style Kitchen (ครัวบิ้วอินสีขาวสไตล์คลาสสิค)
10. Modern Loft Kitchen (ครัวบิ้วอินสีขาวสไตล์โมเดิร์นลอฟท์)
11. Oak Kitchen (ครัวบิ้วอินสีโอ๊ค)
12. White Classic Kitchen (ครัวบิ้วอินสีขาวสไตล์คลาสสิค)
13. Woody White Kitchen (ครัวบิ้วอินสีขาวสไตล์คลาสสิค)
14. Black Modern Kitchen (ครัวบิ้วอินสีดำสไตล์โมเดิร์น)
15. Red & Black Kitchen (ครัวบิ้วอินสีแดงสไตล์โมเดิร์น)
16. Two Tone Kitchen (ครัวบิ้วอินสีขาวสไตล์คลาสสิค)
17. Smart Black Kitchen (ครัวบิ้วอินสีดำสไตล์โมเดิร์น)
18. Modern Loft Style (ครัวบิ้วอินลายไม้สไตล์ลอฟท์)
19. Black&White Kitchen (ครัวบิ้วอินสีขาวสไตล์โมเดิร์น)
20. Modern Loft Kitchen (ครัวบิ้วอินสไตล์โมเดิร์นลอฟท์)
เลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน อย่างไรถึงจะดี?
เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อพูดถึงเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน หลายคนคงจะนึกถึงเฟอร์นิเจอร์ที่สร้างขึ้นแล้วอยู่ถาวร ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างแน่นอน! ซึ่งในปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และในท้องตลาดของเองก็มีมากมายหลากหลายบริษัทเลยก็ว่าได้ที่ไม่ว่าจะเป็นการรับทำครัวบิ้วอิน หรือเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินอื่น ๆ
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรกันว่าบริษัทที่รับทำเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอินบริษัทไหนที่ตอบโจทย์ ตรงใจ และคุ้มค่า งานนี้เราจึงไม่รอช้า ขอนำเสนอ 5 วิธีเลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน จะมีวิธีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปอ่านสาระดี ๆ จากเราได้ที่ด้านล่างนี้เลย!
5 วิธีเลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงวิธีเลือกบริษัทรับทำบิ้วอินกันนั้น เราขอพูดเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินแบบคร่าว ๆ กันสักหน่อย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน (Built-in) คือ เฟอร์นิเจอร์แบบถาวรที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ มักนิยมสั่งทำตามความประสงค์ ส่วนใหญ่นิยมทำตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ห้องครัว ตู้ในห้องน้ำ หรือส่วนอื่น ๆ ตามความต้องการของผู้อาศัย ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้คือทำให้ห้องดูเป็นระเบียบ ใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ที่สำคัญยังมีความแข็งแรงทนทานอีกด้วย
แต่เรื่องข้อเสียใช่ว่าจะไม่มีเลย เพราะในขั้นตอนการทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินนั้นมีราคาที่แพงมาก เนื่องจากต้องคิดค่าแรงในการจ้างช่าง ตลอดจนต้องทำการวัดมุม องศาในการจัดวาง รวมถึงวัสดุที่เลือกใช้ การสั่งทำบิวท์อินจึงมีราคาค่อนข้างสูง เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกันไปแล้วก็มาสู่สาระดี ๆ ที่หลายคนรอคอย นั่นก็คือ 5 วิธีเลือกบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ซึ่งมีดังนี้
1. ประสบการณ์ยาวนาน
สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการที่คุณเลือกใช้งานบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอินนอกจากจะทำให้คุณมั่นใจได้เรื่องความเป็นมืออาชีพของบริษัทแล้ว คุณยังไม่ต้องกังวลอีกว่างานมีปัญหาแล้วจะไม่เสร็จ ไปต่อไม่ได้ หรือถูกเทกระทันหัน อย่าลืมว่าบริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนาน เปิดให้บริการมาแล้วหลายปี
นอกจากเรื่องความเป็นมืออาชีพที่ต้องรักษาไว้ อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องรักษาเอาไว้อีกก็คือเรื่องของชื่อเสียง ซึ่งบริษัทที่เปิดมานานแล้วส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครหรอกที่จะทุบหม้อข้าวตัวเอง ทำเรื่องแย่ ๆ อย่างการเทลูกค้า เพราะในปัจจุบันโลกเราข่าวสารไปไวมาก หากถูกกล่าวถึงเสีย ๆ หาย ๆ ในโลกออนไลน์ย่อมส่งผลกระทบกว่าที่คิดแน่นอน
2. มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้กัน ลองนึกภาพตามดูว่าหากคุณใช้บริการกับบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความเชี่ยวชาญ เมื่องานมีปัญหาขึ้นมาย่อมแก้ไขอะไรได้ช้าเมื่อเทียบกับทีมงานที่เชี่ยวชาญกว่า จริงอยู่ที่งานรับบิ้วอินบ้านนั้นไม่ใช่งานใหญ่อะไรเหมือนกับการรีโนเวทบ้าน สร้างบ้านทั้งหลัง แต่จะดีกว่าไหมหากคุณเลือกใช้บริการกับทีมงานที่เชี่ยวชาญ เวลามีปัญหาจะได้ไม่ต้องรอการแก้ไขนาน เชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากเสียเวลารอการแก้ไขอะไรนาน ๆ หรอก
3. มีสัญญาการทำงาน
สำหรับข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่ไม่ควรละเลยที่สุดเลยก็ว่าได้ จริงอยู่ที่นี่เป็นเพียงการทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ไม่ใช่งานใหญ่อย่างการสร้างบ้านทั้งหลัง แต่คุณก็ไม่ควรที่จะละเลยเรื่องสัญญาการทำงานโดยเด็ดขาด ฉะนั้นเพื่อความอุ่นใจ เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการกับบริษัทรับทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่มีสัญญาการทำงาน จะดีที่สุด!
4. วัตถุดิบมีคุณภาพ
สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานของเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกยึดติดยาวนาน โครงสร้างที่ใช้จึงต้องแข็งแรง ทนทาน และมีคุณภาพดี เพื่อที่คุณจะได้เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่อยู่ทน อยู่นาน การเลือกบริษัทที่เขาใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพที่สุดจึงเป็นคำตอบ!
5. มีการร่างแบบ 3 D
ในขั้นตอนของการทำเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน แน่นอนว่าต้องมีการพูดถึงงานออกแบบกันอยู่แล้ว จะดีกว่าไหมหากบริษัทที่คุณเลือกมีการร่างแบบ 3D และคุณสามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมได้ถึง 3 ครั้ง เพื่อที่การสรุปแบบ 3D ถูกต้อง เรียบร้อย และ เป็นแบบที่คุณพอใจ จากนั้นทางบริษัทจะนำมาทำเป็น Shop Drawing ซึ่งเป็นรายละเอียดของงานตกแต่งภายในทั้งหมด เพื่อนำไปให้ผู้รับเหมาใช้ในการคำนวณราคา หรือ เป็นแบบในการทำการตกแต่งภายในต่อไป
4 วิธีการดูแลผ้าม่านอย่างง่ายๆ
ผ้าม่านนั้นถือเป็นของตกแต่งภายในบ้านที่ช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังช่วยบดบังหรือลดทอนแสงแดดจากภายนอกที่ส่องเข้ามาภายในบ้านได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยเสริมให้สไตล์ในการแต่งห้องของเพื่อนๆ นั้นดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อาจละเลยที่จะดูแลรักษาผ้าม่านอยู่เสมอๆ ต่อไปนี้จะเป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผ้าม่านผืนโปรดของเพื่อนๆ นั้นอยู่ในสภาพเหมือนใหม่
1. ดูดฝุ่นผ้าม่านเดือนละครั้ง
เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองนั้นสะสมในรอยพับของผ้าม่านในปริมาณมาก เพื่อนๆ อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดฝุ่นละอองที่เกาะติดอยู่ที่ผ้าม่านบ้างเดือนละครั้ง อย่าลืมที่จะทำความสะอาดขอบของผ้าม่านเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าเป็นผ้าม่านที่มีการเปิดบานหน้าต่างเพื่อรับลมจากด้านนอกบ่อยๆ เพราะผ้าม่านเหล่านั้นมีการสัมผัสบ่อยครั้ง และจะสะสมฝุ่นละอองจากภายนอกมากกว่าบานหน้าที่ที่ไม่ได้เปิดรับลมเลย
2. ซักผ้าม่านบ้างหากรู้สึกว่ามันสกปรกมาก
ถอดผ้าม่านของเพื่อนๆ ออกมาซักบ้างหากมีความรู้สึกว่ามันสกปรกมาก โดยเฉพาะผ้าม่านภายในห้องครัวที่มีโอกาสดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลายจากการทำอาหารอยู่บ่อยครั้ง ในขั้นตอนของการซักนั้น หากผ้าม่านที่ใช้เป็นผ้าฝ้ายและผ้าลินินนั้นจะสามารถซักด้วยเครื่องได้เลย แต่หากเป็นผ้าชนิดอื่นอาจจำเป็นต้องซักด้วยมือเท่านั้น และก่อนที่จะซักผ้านั้นควรที่จะทดสอบโดยการเทน้ำลงไปบนผ้าในพื้นที่เล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบว่าผ้าม่านนั้นสีตกหรือไม่ และไม่ว่าจะซักด้วยเครื่องหรือมือ น้ำที่ใช้ในการซักควรเป็นน้ำอุณภูมิห้องและผงซักฟอกควรใช้ชนิดที่อ่อนโยนต่อผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าเกิดการหดตัวแล้วเป็นตะปุ่มตะป่ำไม่สวยงาม
3. นำผ้าม่านมารีดเมื่อจำเป็น
ในขั้นตอนหลังจากซักผ้าม่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ อาจจะต้องนำผ้าม่านมารีดเพื่อฟื้นฟูผ้าและเก็บจีบของม่านให้คมดังเดิม ในขั้นตอนของการรีดผ้าควรรีดด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าย่น และอุณภูมิความร้อนของเตารีดนั้นควรตั้งให้มีอุณภูมิต่ำๆ เพื่อที่จะไม่ให้ความร้อนจากเตารีดนั้นทำลายเนื้อผ้าผืนโปรดของเพื่อนๆ
4.การทำความสะอาดผ้าม่านด้วยการซักมือ
นี่อาจจะเป็นวิธีที่เหนื่อยมากที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ทำลายเนื้อผ้าน้อยที่สุดด้วย เพราะคุณสามารถควบคุมแรงมือของคุณได้วิธีนี้เหมาะสำหรับผ้าม่านที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ผ้าฝ้าย Cotton 100% หรือผ้าโปร่ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผ้าที่มีน้ำหนักไม่มากนัก หรือผ้าม่านตาไก่ที่ไม่สามารถถอดตาไก่ออกมาได้ควรใช้น้ำเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงการหดตัว ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบอ่อนโยนค่อย ๆ ซักทีละจุด ล้างด้วยน้ำสะอาด 3-4 ครั้งจนสะอาดหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดด้วยการซักมือสำหรับผ้าที่มีน้ำหนักมาก เพราะเป็นเรื่องยากที่จะบิดน้ำออก ระวังอย่าบิดผ้าหรือขยี้ผ้าแรง เพราะอาจทำให้เกิดรอยยับและใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการทำให้ผ้าม่านแห้งเหมาะสำหรับผ้าม่านโปร่ง ผ้าม่านทอลายหรือที่เรียกว่า jacquard ผ้าม่านที่มีส่วนผสมของ cotton ผ้าฝ้าย หรือผ้าลินิน
เลือกโซฟาเข้าบ้านกับ 10 ไอเดีย “โซฟา 3 สไตล์” ที่เข้ากับการตกแต่ง
โซฟา ถือได้ว่าเป็นเฟอร์เจอร์ที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดสำหรับห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ให้เราได้เอนกายทั้งนั่งทั้งนอนกันอย่งาสบายอารมณ์ ซึ่งโดยปกติเรามักจะเลือกรูปแบบโซฟากันแบบตามใจ หรือไม่ก็ให้เข้ากับการตกแต่งภายในบ้านของเรา
วันนี้ก็มีตัวอย่างของ 10 ไอเดีย “โซฟา 3 สไตล์” มาฝากเพื่อนๆ ซึ่งเป็นโซฟาที่มีสไตล์แบบโมเดิร์น มินิมอล และแบบอิสดัสเทรียล ลอฟท์ ใครชอบแนวไหนก็ตามมาเก็บไอเดียกันเลยครับ
โมเดิร์น
โซฟาในสไตล์นี้จะเน้นดีไซน์ที่ค่อนข้างมีสมมาตร มีรูปทรงที่อิงรูปทรงเราขาคณิต เช่น แบบยาว แบบตัวแอล เป็นต้น พร้อมกับมีโทนสีที่เรียบๆ จึงเหมาะกับบ้านโดยทั่วไปทุกๆ แบบการตกแต่ง
1
2
3
4
มินิมอล
โซฟาในสไตล์มินิมอลจะมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ให้ความอ่อนโยนไม่แข็งกระด้าง ทั้งยังเลือกใช้สีขาวหรือสีครีมเป็นหลัก จึงให้บรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย
5
6
7
อินดัสเทรียล ลอฟท์
อยากใครที่ชื่นชอบงานเครื่องหนัง และการดีไซน์แบบดิบเท่ โซฟาสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟท์ ตอบโจทย์ได้ครบทุกข้อเลย ซึ่งเข้ากับบ้านในสไตล์เดียวกัน หรือบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ตกแต่งแบบเท่ๆ
8
9
10
5 รูปแบบโต๊ะอาหาร ควรจะเลือกอย่างไร ให้เหมาะกับร้านของคุณ
รู้หรือไม่? รูปแบบโต๊ะอาหาร สามารถกำหนดความรู้สึกและสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้ไม่แพ้รสชาติของอาหาร ดังนั้นต้องรู้ก่อนว่า ร้านของคุณเน้นอะไร เน้นความสะดวกสบายก็ต้องเลือกโต๊ะแบบนึง เน้นความสนุกสนานควรเลือกโต๊ะอีกอีกแบบ ซึ่งให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน วันนี้เราจึงนำ 5 รูปแบบโต๊ะ ที่เป็นที่นิยมและน่าสนใจมาฝากกันครับ
5 รูปแบบโต๊ะอาหาร ที่เจ้าของร้านควรรู้
- Classic Boothเป็นโต๊ะยอดนิยมของร้านอาหารหลายๆ ร้าน เนื่องจากเป็นโต๊ะที่นั่งสะดวกสบาย และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นส่วนตัวมากกว่าโต๊ะรูปแบบอื่นๆ ทั้งยังบริหารจัดการง่าย เป็นระเบียบ เพราะโต๊ะติดอยู่กับที่ สะดวกทั้งต่อลูกค้าที่ไม่ต้องคอยเดินหลบไปมา และพนักงานเสิร์ฟที่เดินเข้าไปเสิร์ฟในจุดๆ เดียว ไม่ต้องคอยวนไปวนมารอบโต๊ะ แม้ว่าโต๊ะรูปแบบนี้จะมีข้อดีมาก แต่ก็มีข้อเสียที่ไม่ควรมองข้าม เพราะราคาค่อนข้างสูง หากร้านคุณมีเงินลงทุนจำกัด ก็ควรใช้รูปแบบอื่นๆจะเหมาะสมกว่า
- High Top Tables & Stoolsโต๊ะรูปแบบนี้ คือ โต๊ะยาวคล้ายโต๊ะโรงอาหารของโรงเรียน มักพบได้บ่อยในร้านอาหารที่บรรยากาศค่อนข้างสบายๆ เป็นกันเอง เนื่องจากโต๊ะรูปแบบนี้จะเปิดโอกาสให้คนได้พูดคุยกันมากขึ้น ทั้งคนที่มาด้วยกัน หรือคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จุดเด่นของโต๊ะรูปแบบนี้คือ รองรับคนได้จำนวนมาก เหมาะกับงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ฉะนั้นหากใครอยากเปิดร้านอาหารแนวสบายๆ เป็นพื้นที่ให้ลูกค้าได้พูดคุยกันมากขึ้น ก็ควรเลือกโต๊ะรูปแบบนี้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ร้านอาหารด้วย หากมีพื้นที่จำกัด ก็ไม่ควรใช้โต๊ะรูปแบบนี้
- High Top Tables & Stoolsโต๊ะสูง เก้าอี้สูง ข้อดีของโต๊ะรูปแบบนี้คือเคลื่อนย้ายสะดวก ปรับเปลี่ยนได้ตามจำนวนของลูกค้าได้ หากลูกค้ามามากก็สามารถเลื่อนโต๊ะมาติดกันได้ และยกเก้าอี้มาเสริม หรือถ้าลูกค้ามาน้อยก็โยกเก้าอี้ไปวางที่โต๊ะอื่น โต๊ะรูปแบบนี้เหมาะสำหรับการจัดงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไม่เป็นทางการนัก เนื่องจากคุณสมบัติคือเพิ่มจำนวนคนได้ไม่จำกัด จะเดินไปนั่งโต๊ะนั้น หรือยืนโต๊ะนี้ก็ทำได้สะดวก แต่ไม่เหมาะกับร้านอาหารประเภท full-service เพราะนั่งไม่สบาย รับประทานอาหารไม่สะดวก แต่ขณะเดียวกันโต๊ะรูปแบบนี้ก็เหมาะสำหรับร้านที่จำหน่ายอาหารจานด่วนที่เน้นการ turn over อย่างรวดเร็วๆ เพราะคงไม่มีใครอยากนั่งนานๆ กับโต๊ะลักษณะนี้
- Sofas & Coffee Table-Styled Seatingเป็นโต๊ะ และเก้าอี้ยอดฮิตของร้านคาเฟ่หลายแห่ง ที่อยากสร้างบรรยากาศสบายๆ ให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายเหมือนไม่ได้นั่งอยู่ในร้านอาหาร แต่เหมือนนั่งกินอาหารอยู่ในบ้าน แต่ข้อเสียของโต๊ะประเภทนี้คือ ไม่เหมาะกับการกินอาหารมื้อหลัก เพราะโต๊ะค่อนข้างเตี้ย ราคาค่อนข้างสูง กินพื้นที่มาก แถมลูกค้ายังนั่งนานกว่าโต๊ะและเก้าอี้รูปแบบอื่นๆ แต่ถ้าคุณตั้งใจเสิร์ฟอาหารง่ายๆ พร้อมขนมหรือเครื่องดื่ม และอยากทำให้ลูกค้าสบายที่สุด ก็ควรเลือกโต๊ะและเก้าอี้รูปแบบนี้
- Bar Seatingถ้าเป็นชอบกินซูชิหรืออาหารญี่ปุ่นคงคุ้นเคยกับโต๊ะรูปแบบนี้ เพราะเป็นรูปแบบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นนิยมใช้มาก เนื่องจากต้องการให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับเชฟขณะปรุงอาหาร นอกจากได้พูดคุยแบบเป็นกันเองแล้ว ยังได้เห็นฝีไม้ลายมือของเชฟขณะทำอาหารด้วย ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีรูปแบบหนึ่ง ส่วนข้อดีด้านการบริการคือ ไม่ต้องเสียค่าพนักงานเสิร์ฟ ลูกค้าไม่ต้องรออาหารนาน เพราะเชฟจะส่งตรงถึงมือลูกค้าได้โดยตรง
ทราบข้อดีของโต๊ะแต่ละรูปแบบกันแล้ว อย่าลืมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับร้านอาหารของคุณกันนะครับ
บริษัท Gent Decor เป็นโรงงานผลิต ออกแบบเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน
บริษัท Gent Decor เป็นโรงงานผลิต ออกแบบบิ้วอิน ตกแต่งภายใน งานผ้าม่าน บานประตู และยังจำหน่ายชุดเฟอร์นิเจอร์ มีเครื่องมือการผลิตที่ทันสมัย พร้อมช่างผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและการผลิตเฟอร์นิเจอร์ประเภทต่างๆ อีกทั้งเรายังมีทีมช่างที่ให้บริการประกอบเฟอร์นิเจอร์ พร้อมติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้งานที่รวดเร็ว ประหยัดเวลา และไม่มีปัญหาเรื่องความสะอาดหลังการติดตั้ง บริษัท Gent Decor เปิดบริการมามากกว่า 5 ปี ได้ให้บริการการผลิตเฟอร์นิเจอร์กับโครงการต่างๆ และตามบ้านของลูกค้า โดยให้บริการลูกค้ามามากกว่า 100 หลัง
ขั้นตอนการติดต่อ
- นัดดูสถานที่
- ประเมินราคาฟรี
- ทำแบบ 3D
ขั้นตอนการทำงาน
- หลังจากสรุปแบบ 3D เสร็จ เซ็นสัญญาแบ่งชำระเงิน 4 งวด
– งวดแรก 30% เมื่อเซ็นสัญญา
– งวดสอง 40% เมื่อเริ่มติดตั้งงาน
– งวดสาม 15% เมื่อติดตั้งงานไม้เสร็จ
– งวดสุดท้าย 15% เมื่องานแล้วเสร็จ - ทำแบบ plan และลงขนาดพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ
(ให้ช่างไม้ 1 ชุด ,ให้ลูกค้า 1 ชุด) - ปรับแก้แบบ + สรุปแบบขั้นสุดท้าย
- เริ่มทำการผลิต
- เริ่มดำเนินการติดตั้ง รับมัดจำงวดที่ 2 จำนวน 30 %
- เมื่อติดตั้งงานไม้เสร็จ รับมัดจำงวดที่ 3 จำนวน 30 %
- เมื่อติดตั้งเสร็จ ชำระส่วนที่เหลือ