4 วิธีการดูแลผ้าม่านอย่างง่ายๆ
ผ้าม่านนั้นถือเป็นของตกแต่งภายในบ้านที่ช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังช่วยบดบังหรือลดทอนแสงแดดจากภายนอกที่ส่องเข้ามาภายในบ้านได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยเสริมให้สไตล์ในการแต่งห้องของเพื่อนๆ นั้นดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อาจละเลยที่จะดูแลรักษาผ้าม่านอยู่เสมอๆ ต่อไปนี้จะเป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผ้าม่านผืนโปรดของเพื่อนๆ นั้นอยู่ในสภาพเหมือนใหม่
1. ดูดฝุ่นผ้าม่านเดือนละครั้ง
เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองนั้นสะสมในรอยพับของผ้าม่านในปริมาณมาก เพื่อนๆ อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดฝุ่นละอองที่เกาะติดอยู่ที่ผ้าม่านบ้างเดือนละครั้ง อย่าลืมที่จะทำความสะอาดขอบของผ้าม่านเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าเป็นผ้าม่านที่มีการเปิดบานหน้าต่างเพื่อรับลมจากด้านนอกบ่อยๆ เพราะผ้าม่านเหล่านั้นมีการสัมผัสบ่อยครั้ง และจะสะสมฝุ่นละอองจากภายนอกมากกว่าบานหน้าที่ที่ไม่ได้เปิดรับลมเลย
2. ซักผ้าม่านบ้างหากรู้สึกว่ามันสกปรกมาก
ถอดผ้าม่านของเพื่อนๆ ออกมาซักบ้างหากมีความรู้สึกว่ามันสกปรกมาก โดยเฉพาะผ้าม่านภายในห้องครัวที่มีโอกาสดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลายจากการทำอาหารอยู่บ่อยครั้ง ในขั้นตอนของการซักนั้น หากผ้าม่านที่ใช้เป็นผ้าฝ้ายและผ้าลินินนั้นจะสามารถซักด้วยเครื่องได้เลย แต่หากเป็นผ้าชนิดอื่นอาจจำเป็นต้องซักด้วยมือเท่านั้น และก่อนที่จะซักผ้านั้นควรที่จะทดสอบโดยการเทน้ำลงไปบนผ้าในพื้นที่เล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบว่าผ้าม่านนั้นสีตกหรือไม่ และไม่ว่าจะซักด้วยเครื่องหรือมือ น้ำที่ใช้ในการซักควรเป็นน้ำอุณภูมิห้องและผงซักฟอกควรใช้ชนิดที่อ่อนโยนต่อผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าเกิดการหดตัวแล้วเป็นตะปุ่มตะป่ำไม่สวยงาม
3. นำผ้าม่านมารีดเมื่อจำเป็น
ในขั้นตอนหลังจากซักผ้าม่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ อาจจะต้องนำผ้าม่านมารีดเพื่อฟื้นฟูผ้าและเก็บจีบของม่านให้คมดังเดิม ในขั้นตอนของการรีดผ้าควรรีดด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าย่น และอุณภูมิความร้อนของเตารีดนั้นควรตั้งให้มีอุณภูมิต่ำๆ เพื่อที่จะไม่ให้ความร้อนจากเตารีดนั้นทำลายเนื้อผ้าผืนโปรดของเพื่อนๆ
4.การทำความสะอาดผ้าม่านด้วยการซักมือ
นี่อาจจะเป็นวิธีที่เหนื่อยมากที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ทำลายเนื้อผ้าน้อยที่สุดด้วย เพราะคุณสามารถควบคุมแรงมือของคุณได้วิธีนี้เหมาะสำหรับผ้าม่านที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ผ้าฝ้าย Cotton 100% หรือผ้าโปร่ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผ้าที่มีน้ำหนักไม่มากนัก หรือผ้าม่านตาไก่ที่ไม่สามารถถอดตาไก่ออกมาได้ควรใช้น้ำเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงการหดตัว ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบอ่อนโยนค่อย ๆ ซักทีละจุด ล้างด้วยน้ำสะอาด 3-4 ครั้งจนสะอาดหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดด้วยการซักมือสำหรับผ้าที่มีน้ำหนักมาก เพราะเป็นเรื่องยากที่จะบิดน้ำออก ระวังอย่าบิดผ้าหรือขยี้ผ้าแรง เพราะอาจทำให้เกิดรอยยับและใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการทำให้ผ้าม่านแห้งเหมาะสำหรับผ้าม่านโปร่ง ผ้าม่านทอลายหรือที่เรียกว่า jacquard ผ้าม่านที่มีส่วนผสมของ cotton ผ้าฝ้าย หรือผ้าลินิน
เลือกโซฟาเข้าบ้านกับ 10 ไอเดีย “โซฟา 3 สไตล์” ที่เข้ากับการตกแต่ง
โซฟา ถือได้ว่าเป็นเฟอร์เจอร์ที่โดดเด่นและสำคัญที่สุดสำหรับห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ให้เราได้เอนกายทั้งนั่งทั้งนอนกันอย่งาสบายอารมณ์ ซึ่งโดยปกติเรามักจะเลือกรูปแบบโซฟากันแบบตามใจ หรือไม่ก็ให้เข้ากับการตกแต่งภายในบ้านของเรา
วันนี้ก็มีตัวอย่างของ 10 ไอเดีย “โซฟา 3 สไตล์” มาฝากเพื่อนๆ ซึ่งเป็นโซฟาที่มีสไตล์แบบโมเดิร์น มินิมอล และแบบอิสดัสเทรียล ลอฟท์ ใครชอบแนวไหนก็ตามมาเก็บไอเดียกันเลยครับ
โมเดิร์น
โซฟาในสไตล์นี้จะเน้นดีไซน์ที่ค่อนข้างมีสมมาตร มีรูปทรงที่อิงรูปทรงเราขาคณิต เช่น แบบยาว แบบตัวแอล เป็นต้น พร้อมกับมีโทนสีที่เรียบๆ จึงเหมาะกับบ้านโดยทั่วไปทุกๆ แบบการตกแต่ง
1
2
3
4
มินิมอล
โซฟาในสไตล์มินิมอลจะมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ให้ความอ่อนโยนไม่แข็งกระด้าง ทั้งยังเลือกใช้สีขาวหรือสีครีมเป็นหลัก จึงให้บรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย
5
6
7
อินดัสเทรียล ลอฟท์
อยากใครที่ชื่นชอบงานเครื่องหนัง และการดีไซน์แบบดิบเท่ โซฟาสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟท์ ตอบโจทย์ได้ครบทุกข้อเลย ซึ่งเข้ากับบ้านในสไตล์เดียวกัน หรือบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ตกแต่งแบบเท่ๆ
8
9
10
5 รูปแบบโต๊ะอาหาร ควรจะเลือกอย่างไร ให้เหมาะกับร้านของคุณ
รู้หรือไม่? รูปแบบโต๊ะอาหาร สามารถกำหนดความรู้สึกและสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้าได้ไม่แพ้รสชาติของอาหาร ดังนั้นต้องรู้ก่อนว่า ร้านของคุณเน้นอะไร เน้นความสะดวกสบายก็ต้องเลือกโต๊ะแบบนึง เน้นความสนุกสนานควรเลือกโต๊ะอีกอีกแบบ ซึ่งให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน วันนี้เราจึงนำ 5 รูปแบบโต๊ะ ที่เป็นที่นิยมและน่าสนใจมาฝากกันครับ
5 รูปแบบโต๊ะอาหาร ที่เจ้าของร้านควรรู้
- Classic Booth
เป็นโต๊ะยอดนิยมของร้านอาหารหลายๆ ร้าน เนื่องจากเป็นโต๊ะที่นั่งสะดวกสบาย และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นส่วนตัวมากกว่าโต๊ะรูปแบบอื่นๆ ทั้งยังบริหารจัดการง่าย เป็นระเบียบ เพราะโต๊ะติดอยู่กับที่ สะดวกทั้งต่อลูกค้าที่ไม่ต้องคอยเดินหลบไปมา และพนักงานเสิร์ฟที่เดินเข้าไปเสิร์ฟในจุดๆ เดียว ไม่ต้องคอยวนไปวนมารอบโต๊ะ แม้ว่าโต๊ะรูปแบบนี้จะมีข้อดีมาก แต่ก็มีข้อเสียที่ไม่ควรมองข้าม เพราะราคาค่อนข้างสูง หากร้านคุณมีเงินลงทุนจำกัด ก็ควรใช้รูปแบบอื่นๆจะเหมาะสมกว่า
- High Top Tables & Stools
โต๊ะรูปแบบนี้ คือ โต๊ะยาวคล้ายโต๊ะโรงอาหารของโรงเรียน มักพบได้บ่อยในร้านอาหารที่บรรยากาศค่อนข้างสบายๆ เป็นกันเอง เนื่องจากโต๊ะรูปแบบนี้จะเปิดโอกาสให้คนได้พูดคุยกันมากขึ้น ทั้งคนที่มาด้วยกัน หรือคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จุดเด่นของโต๊ะรูปแบบนี้คือ รองรับคนได้จำนวนมาก เหมาะกับงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ฉะนั้นหากใครอยากเปิดร้านอาหารแนวสบายๆ เป็นพื้นที่ให้ลูกค้าได้พูดคุยกันมากขึ้น ก็ควรเลือกโต๊ะรูปแบบนี้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ร้านอาหารด้วย หากมีพื้นที่จำกัด ก็ไม่ควรใช้โต๊ะรูปแบบนี้
- High Top Tables & Stools
โต๊ะสูง เก้าอี้สูง ข้อดีของโต๊ะรูปแบบนี้คือเคลื่อนย้ายสะดวก ปรับเปลี่ยนได้ตามจำนวนของลูกค้าได้ หากลูกค้ามามากก็สามารถเลื่อนโต๊ะมาติดกันได้ และยกเก้าอี้มาเสริม หรือถ้าลูกค้ามาน้อยก็โยกเก้าอี้ไปวางที่โต๊ะอื่น โต๊ะรูปแบบนี้เหมาะสำหรับการจัดงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไม่เป็นทางการนัก เนื่องจากคุณสมบัติคือเพิ่มจำนวนคนได้ไม่จำกัด จะเดินไปนั่งโต๊ะนั้น หรือยืนโต๊ะนี้ก็ทำได้สะดวก แต่ไม่เหมาะกับร้านอาหารประเภท full-service เพราะนั่งไม่สบาย รับประทานอาหารไม่สะดวก แต่ขณะเดียวกันโต๊ะรูปแบบนี้ก็เหมาะสำหรับร้านที่จำหน่ายอาหารจานด่วนที่เน้นการ turn over อย่างรวดเร็วๆ เพราะคงไม่มีใครอยากนั่งนานๆ กับโต๊ะลักษณะนี้
- Sofas & Coffee Table-Styled Seating
เป็นโต๊ะ และเก้าอี้ยอดฮิตของร้านคาเฟ่หลายแห่ง ที่อยากสร้างบรรยากาศสบายๆ ให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายเหมือนไม่ได้นั่งอยู่ในร้านอาหาร แต่เหมือนนั่งกินอาหารอยู่ในบ้าน แต่ข้อเสียของโต๊ะประเภทนี้คือ ไม่เหมาะกับการกินอาหารมื้อหลัก เพราะโต๊ะค่อนข้างเตี้ย ราคาค่อนข้างสูง กินพื้นที่มาก แถมลูกค้ายังนั่งนานกว่าโต๊ะและเก้าอี้รูปแบบอื่นๆ แต่ถ้าคุณตั้งใจเสิร์ฟอาหารง่ายๆ พร้อมขนมหรือเครื่องดื่ม และอยากทำให้ลูกค้าสบายที่สุด ก็ควรเลือกโต๊ะและเก้าอี้รูปแบบนี้
- Bar Seating
ถ้าเป็นชอบกินซูชิหรืออาหารญี่ปุ่นคงคุ้นเคยกับโต๊ะรูปแบบนี้ เพราะเป็นรูปแบบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นนิยมใช้มาก เนื่องจากต้องการให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับเชฟขณะปรุงอาหาร นอกจากได้พูดคุยแบบเป็นกันเองแล้ว ยังได้เห็นฝีไม้ลายมือของเชฟขณะทำอาหารด้วย ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีรูปแบบหนึ่ง ส่วนข้อดีด้านการบริการคือ ไม่ต้องเสียค่าพนักงานเสิร์ฟ ลูกค้าไม่ต้องรออาหารนาน เพราะเชฟจะส่งตรงถึงมือลูกค้าได้โดยตรง
ทราบข้อดีของโต๊ะแต่ละรูปแบบกันแล้ว อย่าลืมนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับร้านอาหารของคุณกันนะครับ
บริษัท Gent Decor เป็นโรงงานผลิต ออกแบบเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน
บริษัท Gent Decor เป็นโรงงานผลิต ออกแบบบิ้วอิน ตกแต่งภายใน งานผ้าม่าน บานประตู และยังจำหน่ายชุดเฟอร์นิเจอร์ มีเครื่องมือการผลิตที่ทันสมัย พร้อมช่างผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและการผลิตเฟอร์นิเจอร์ประเภทต่างๆ อีกทั้งเรายังมีทีมช่างที่ให้บริการประกอบเฟอร์นิเจอร์ พร้อมติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าได้งานที่รวดเร็ว ประหยัดเวลา และไม่มีปัญหาเรื่องความสะอาดหลังการติดตั้ง บริษัท Gent Decor เปิดบริการมามากกว่า 5 ปี ได้ให้บริการการผลิตเฟอร์นิเจอร์กับโครงการต่างๆ และตามบ้านของลูกค้า โดยให้บริการลูกค้ามามากกว่า 100 หลัง
ขั้นตอนการติดต่อ
- นัดดูสถานที่
- ประเมินราคาฟรี
- ทำแบบ 3D
ขั้นตอนการทำงาน
- หลังจากสรุปแบบ 3D เสร็จ เซ็นสัญญาแบ่งชำระเงิน 4 งวด
– งวดแรก 30% เมื่อเซ็นสัญญา
– งวดสอง 40% เมื่อเริ่มติดตั้งงาน
– งวดสาม 15% เมื่อติดตั้งงานไม้เสร็จ
– งวดสุดท้าย 15% เมื่องานแล้วเสร็จ - ทำแบบ plan และลงขนาดพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ
(ให้ช่างไม้ 1 ชุด ,ให้ลูกค้า 1 ชุด) - ปรับแก้แบบ + สรุปแบบขั้นสุดท้าย
- เริ่มทำการผลิต
- เริ่มดำเนินการติดตั้ง รับมัดจำงวดที่ 2 จำนวน 30 %
- เมื่อติดตั้งงานไม้เสร็จ รับมัดจำงวดที่ 3 จำนวน 30 %
- เมื่อติดตั้งเสร็จ ชำระส่วนที่เหลือ